บมจ.สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี(SAT) ระบุว่า ขณะนี้แผนการลงทุนตั้งโรงหล่อในต่างประเทศมีความชัดเจนมากขึ้นแล้ว โดยจะเป็นลักษณะของการร่วมทุน ซึ่งมองที่ South Africa มีโอกาสสูง และยังศึกษาตลาดจีนและอินเดียไปพร้อมๆ กันด้วย คาดว่าจะมีข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้
นายวีระยุทธ์ กีตะพาณิชย์ กรรมการ SAT กล่าวว่า โอกาสที่จะเป็น South Africa มีสูง เนื่องจากปัจจุบันซัพพลายเออร์ที่ส่งให้กับลูกค้ารายใหญ่ที่นั่นมีปัญหาเรื่องคุณภาพ ลูกค้าก็เลยเชิญเราไปลงทุน แต่ถ้าไม่ไป South Africa ก็ยังมีตัวเลือกอื่น คือ จีนและอินเดีย ที่ศึกษาตลาดไปพร้อมๆ กันด้วย อย่างไรก็ตามคาดว่าจะสรุปประมาณสิ้นปีนี้ และจะรับรู้รายได้ประมาณต้นปี 54
ส่วนโรงหล่อชิ้นส่วนแห่งใหม่ที่บริษัทย่อยจะลงทุนสร้างที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง จะเริ่มผลิตราวต้นปี 53 และเริ่มรับรู้รายได้ในปีเดียวกัน
นายวีระยุทธ กล่าวว่า โรงงานใหม่มีกำลังผลิต 2.5 พันตัน/เดือน จะทำให้บริษัทมีกำลังผลิตเพิ่มเป็น 5.4 พันตัน/เดือน ซึ่งจะสามารถรองรับลูกค้าในประเทศทั้งในส่วนของลูกค้าเดิม เช่น Mitsubishi, AP HONDA, ISUZU และลูกค้าใหม่ คือ คูโบต้าแทรกเตอร์
รวมถึง ลูกค้าต่างประเทศที่บริษัทส่งออกโดยตรง เช่น ญี่ปุ่น และลูกค้าใหม่ที่จะส่งสินค้าให้ค่ายเพียววันในประเทศจีนซึ่งเป็นผู้ที่ผลิตสินค้าให้กับค่ายเจนเนอรัลมอเตอร์ของสหรัฐอีกที รวมถึง ค่ายรถยนต์ในยุโรป ที่บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาและมีแนวโน้มได้คำสั่งซื้อค่อนข้างสูง
*มั่นใจเป้าโต 15% ต่อปี, ยังเน้นรายได้ใน ปท.เป็นหลัก
นายวีระยุทธ กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปี 51 ที่ 15% ต่อปี แม้จะมีโรงหล่อแห่งใหม่ในประเทศ และมีลูกค้าใหม่เข้ามาเพิ่ม รวมถึงแผนลงทุนในต่างประเทศเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นก็ตาม
ในปีนี้แม้บริษัทจะทำผลงานในช่วงครึ่งแรกออกมาได้ดีในภาวะเศรษฐกิจที่ค่อนข้างชะลอตัว แต่ช่วงครึ่งปีหลังก็ยังต้องขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ แต่บริษัทก็ยังมั่นใจว่าทั้งปีจะสามารถเติบโตได้ตามเป้า 15% อีกทั้งบริษัทเพิ่งได้คำสั่งซื้อจากลูกค้าใหม่ คือ คูโบต้าแทรกเตอร์ มูลค่าปีละหลายร้อยล้านบาท โดยจะใช้กำลังผลิตบางส่วนจากโรงงานเดิมและโรงงานใหม่
อนึ่ง ไตรมาส 2/51 SAT มีกำไรสุทธิ 165.42 ล้านบาท จาก 127.65 ล้านบาทในช่วงไตรมาส 2/50 และงวด 1H/51 มีกำไรสุทธิ 351.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 260.63 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ปี 50 SAT มีรายได้รวม 5,092.66 ล้านบาท กำไรสุทธิ 591.14 ล้านบาท
นายวีระยุทธ กล่าวว่า ด้านอัตรากำไรขั้นต้น(Gross Profit Margin) ในช่วง H1/51 อยู่ที่ 21-22% และทั้งปีจะอยู่ที่ 21% ส่วนปี 52 อาจจะรักษาให้ใกล้เคียงในระดับนี้
"ผลกระทบจากราคาเหล็กอาจจะส่งผลในครึ่งปีหลังของปีนี้ แต่ปีหน้าเราจะมียอดขายเพิ่มขึ้น Economy of Scale เพิ่มขึ้น และ Fix Cost เราพยายามรักษาให้เท่ากับปีนี้ เพราะฉะนั้นอัตรากำไรขั้นต้นน่าจะเท่ากับปีนี้"นายวีระยุทธ กล่าว
ปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าในประเทศ 97% ลูกค้าต่างประเทศที่เป็น Direct Export 3% ซึ่งในช่วง 1-2 ปีนี้บริษัทจะคงสัดส่วน Direct Export ไว้ที่ระดับนี้ แต่ในส่วนของเม็ดเงินอาจจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทเน้นลูกค้าในประเทศเป็นหลักสูงถึง 97% อาจจะมีความเสี่ยงบ้าง โดยเฉพาะที่จะต้องผูกกับจากยอดขายรถยนต์ในประเทศ(Domestic Car Sales)ซึ่งในปีนี้น่าจะมีอัตราเติบโตไม่ถึง 10% ขณะที่ตลาดรถยนต์ต่างประเทศเติบโต 15-20% ต่อปี
"แต่ในเมื่อตลาดในประเทศยังมีอัตราเติบโตอยู่และเรายัง Supply ในประเทศได้ไม่หมด ก็ต้อง Support ในประเทศให้ครอบคลุมซึ่งความเสี่ยงน้อยกว่าลงทุนตลาดต่างประเทศที่มีความเสี่ยงทั้งเรื่องคน วัฒนธรรม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่สนใจตลาดต่างประเทศเลย เพราะเรามองว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้าอาจจะขยายไปต่างประเทศก็กำลังมองๆว่าที่ไหนจะดีที่สุด"นายวีระยุทธ กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--