บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค(PF)เตรียมนำเสนอโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อให้คณะกรรมการบริษัทและผู้ถือหุ้นพิจารณา เนื่องจากขณะนี้ราคาหุ้น PF ได้ปรับตัวลดลงมาต่ำมาก ซึ่งบริษัทจะให้ความสำคัญกับโครงการดังกล่าว ก่อนที่จะออกหุ้นกู้แปลงสภาพตามแผนงานที่เคยตั้งใจไว้
นอกจากนั้น ในช่วงไตรมาส 4/51 นี้ บริษัทจะเสนอขายหุ้นกู้ล็อตแรก 800 ล้านบาท จากวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นไว้แล้ว 3.2 พันล้านบาท เพื่อนำเงินมาใช้ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท ซึ่งในช่วงครึ่งหลังของปีนี้มีแนวโน้มว่าบริษัทอาจจะพิจารณาเพิ่มจำนวนโครงการใหม่ที่จะเปิดตัว จากเดิมกำหนดไว้ 7 โครงการ เป็น 9 โครงการ โดยจะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์หน้า
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) กล่าวว่า บริษัทยังคงแผนการออกหุ้นกู้แปลงสภาพในปีนี้ เพียงแต่ในขณะนี้ให้ความสำคัญกับการซื้อหุ้นคืนก่อน เนื่องจากการซื้อหุ้นคืนไม่ทำให้เกิด Dilution Effect เมื่อเทียบกับการออกหุ้นกู้แปลงสภาพ
"หุ้นกู้แปลงสภาพที่จะออก 30 ล้านเหรียญ หรือ 1 พันล้านบาท ที่ผ่านมาก็มีคนสนใจแต่ราคาหุ้นไม่จูงใจ ขณะเดียวกันบริษัทจะมีการออกหุ้นกู้ที่ได้ขอมติไว้แล้วในต้นไตรมาส 4 โดยจะทยอยออกล็อตแรกก่อน 800 ล้านบาท จากวงเงินที่ขอมติไว้ 3.2 พันล้านบาท โดยจะนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเป็นหลัก และชำระหนี้"นายธีระชน กล่าว
ทั้งนี้ การออกหุ้นกู้และการซื้อหุ้นคืน ทำเพื่อรองรับการออกหุ้นกู้แปลงสภาพ เพื่อทำให้ช่องทางการระดมทุนมีความสมดุล ไม่กระจุกตัวในปีนี้ แต่ไปเติบโตต่อเนื่องในปีหน้า
ในส่วนของการเติบโตของรายได้ นายธีระชน คาดว่า ยอดรับรู้รายได้ในปีนี้น่าจะเติบโตมากกว่า 30% หรือโตกว่าปีก่อน 6,165 ล้านบาท จากการรับรู้โครงการเดิมที่ปัจจุบันมี Backlog ณ สิ้นไตรมาส 2 จำนวน 2,800 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ปีนี้ 2.4 พันล้านบาทและที่เหลือเป็นปีหน้า
อีกทั้ง ยังมีการเปิดโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังอีก 7 โครงการ มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท และขณะนี้เตรียมพิจารณาจะเปิดเพิ่มอีก 1-2 โครงการ โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในสัปดาห์หน้า เพราะตลาดยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยค่อนข้างสูง โดยเฉพาะโครงการทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม ซึ่งสอดคล้องกับแผนงานของบริษัทที่กำลังจะเปิดทาวน์โฮม โครงการเมโทร พระราม 9 ใน 16-18 ส.ค.นี้ มูลค่าโครงการ 2,075 ล้านบาท
สำหรับกองทุนอสังหาริมทรัพย์ หากจะมีการขยายขนาดกองทุนคงจะมีการพิจารณาในอีก 2 ปีข้างหน้า หลังจากก่อนหน้านี้ได้ออกไปแล้ว 510 ล้านบาท
"ในครึ่งปีหลังราคาน้ำมันยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณาที่จะซื้อโครงการ และผู้ประกอบการจะต้องปรับตัว ซึ่งในส่วนของเราได้ปรับโดยการลงมือก่อสร้างเลยหากมีการซื้อที่ดินใหม่ ไม่เก็บไว้ ไม่เช่นนั้นจะได้รับผลจากราคาการก่อสร้างที่สูง"นายธีระชน กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ได้รับผลดีจากภาษีอสังหาริมทรัพย์เข้ามาด้วย ทำให้มองว่ากำไรต่อหุ้นจะดีกว่าที่โบรกเกอร์ประเมินไว้ที่ 1 บาท ซึ่งในครึ่งปีแรกบริษัทมีกำไรต่อหุ้นที่ 0.57 บาท
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--