ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (15 ส.ค.) โดยได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่ร่วงลงต่อเนื่อง แต่ความกังวลเกี่ยวกับตลาดสินเชื่อและสภาพเศรษฐกิจโดยรวมก็ส่งผลให้ดัชนีหลักอื่นๆในตลาดเคลื่อนตัวผันผวน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 43.97 จุด หรือ 0.38% แตะระดับ 11,659.90 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 5.26 จุด หรือ 0.41% แตะระดับ 1,298.20 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดขยับลง 1.15 จุด หรือ 0.05% แตะระดับ 2,452.52 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงเบาบางมาก โดยมีวอลุ่มรวมอยู่ที่ 3.99 พันล้านหุ้น พอๆกับวันพฤหัสบดี และมีจำนวนหุ้นบวกใกล้เคียงกับหุ้นลบ
นักลงทุนส่งคำสั่งซื้อคึกคักในช่วงเปิดตลาด เนื่องจากราคาน้ำมันที่ร่วงลงได้ช่วยเพิ่มแนวโน้มสำหรับบริษัทคอนซูเมอร์และคลายความกังวลที่ว่าราคาพลังงานที่สูงเป็นประวัติการณ์จะทำให้ชาวอเมริกันควบคุมการใช้จ่าย โดยสัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 1.24 ดอลลาร์ ปิดที่ 113.77 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากที่ทรุดลงแตะที่ 111.34 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่าสามเดือน
ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงหลังจากที่มีการส่งสัญญาณเพิ่มมากขึ้นว่าเศรษฐกิจทั่วโลกกำลังประสบภาวะชะลอตัวเช่นเดียวกับเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดการเทขายน้ำมันและโภคภัณฑ์อื่นๆ น้ำมันดิบร่วงลงมากกว่า 35 ดอลลาร์ จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 147.27 เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ขณะที่ราคาทองซึ่งทะยานขึ้นทะลุ 1,000 ดอลลาร์/ออนซ์เมื่อช่วงต้นปีนี้ ก็ร่วงลงมาต่ำกว่าระดับ 800 ดอลลาร์ในขณะนี้
ขณะที่การลดลงของราคาน้ำมันได้ช่วยคลายวิตกนักลงทุนในสัปดาห์นี้ แต่ปัจจัยดังกล่าวก็ยังไม่สามารถชดเชยต่อความกังวลเกี่ยวกับตลาดที่อยู่อาศัยและสินเชื่อได้ ความกังวลเกี่ยวกับการปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชีของบรรดาวาณิชธนกิจต่างๆยังคงมีอยู่ ซึ่งเป็นสาเหตุให้ดัชนีหลักๆในตลาดหุ้นนิวยอร์กผันผวนในสัปดาห์นี้ โดยตลอดทั้งสัปดาห์ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 74.42 จุด หรือ 0.63% แตะ 11,659.90 ขณะที่ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 1.88 หรือ 0.15% แตะ 1,298.20 ส่วนดัชนี Nasdaq บวก 38.42 หรือ 1.59% แตะ
เกร็ก เชิร์ช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของเชิร์ช แคปิตอล แมเนจเมนท์ กล่าวว่า "คุณคงคิดว่าตลาดน่าจะพุ่งขึ้นมากกว่านี้เมื่อราคาโภคภัณฑ์ร่วงลงมากขนาดนี้ แต่ปัจจัยที่สำคัญและยังคงซ่อนอยู่ก็คือตลาดสินเชื่อที่ยังคงอ่อนแอมาก"
ตลาดยังคงพยายามที่จะแยกแยะปัจจัยที่แตกต่างกันเหล่านี้ ได้แก่ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ความกังวลที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับสภาพตลาดสินเชื่อ และข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันแปร
ดัชนี Nasdaq เดินหน้าคึกคักในสัปดาห์นี้ สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนเริ่มกลับมาให้ความสนใจหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีแล้ว อย่างไรก็ตาม สาเหตุหนึ่งอาจมาจากการที่นักลงทุนไม่ได้รับแรงกระตุ้นให้เข้าไปลงทุนในหุ้นกลุ่มอื่นๆมากนัก
อย่างไรก็ตาม การซื้อขายวานนี้ได้ปัจจัยลบจากข่าวที่น่าผิดหวังเกี่ยวกับภาคอุปโภคบริโภค เมื่อมหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงานความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในช่วงต้นเดือนส.ค. ซึ่งน้อยกว่าที่คาดการณ์เล็กน้อย เทียบกับเดือนก.ค. ซึ่งเป็นการบ่งชี้ว่าผู้บริโภคยังคงมีความกดดัน นอกจากนี้ แนวโน้มกำไรของผู้ค้าปลีกอย่าง J.C. Penney Co. และ Abercrombie & Fitch Co. ก็อยู่ต่ำกว่าคาดการณ์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--