ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (18 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นแฟนนี เม และเฟรดดี แมค ส่งผลให้ราคาหุ้นทั้งสองตัวดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 20 ปี ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลที่ว่ารัฐบาลสหรัฐอาจเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัททั้งสองและรวบมาเป็นสมบัติของรัฐ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 180.51 จุด หรือ 1.55% แตะที่ 11,479.39 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 19.60 จุด หรือ 1.51% แตะที่ 1,278.60 และ ดัชนี Nasdaq ปิดลบ 35.54 จุด หรือ 1.45% แตะที่ 2,416.98 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 984.31 ล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 1.90 พันล้านหุ้น
นักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มการเงินหลังจากนิตยสารบาร์รอนรายงานว่า กระทรวงการคลังสหรัฐอาจต้องซื้อหุ้นทั้งหมดของแฟนนี เม และเฟรดดี แมค ซึ่งเป็นหน่วยงานซึ่งรัฐบาลสหรัฐให้การสนับสนุน (GSE) และมีหน้าที่จัดหาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ซื้อบ้าน โดยนักวิเคราะห์ของบารอนระบุว่า การกระทำดังกล่าวอาจเป็นการขจัดผู้ถือหุ้นสามัญของบริษัท 2 แห่งและรวบกิจการทั้งหมดมาเป็นของรัฐ และอาจสร้างความเสียหายให้กับผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ์และผู้ถือครองตราสารหนี้ด้อยสิทธิมูลค่า 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ของบริษัท 2 แห่งนี้ด้วย
นิตยสารบารอนระบุว่า ถ้าหากแฟนนี เม และเฟรดดี แมค ไม่ประสบความสำเร็จในการระดมทุนครั้งใหม่ ก็มีแนวโน้มว่ารัฐบาลสหรัฐจะเพิ่มทุนด้วยตัวเอง โดยกระทรวงการคลังอาจนำเงินของผู้เสียภาษีมาอัดฉีดให้กับบริษัททั้ง 2 ซึ่งการอัดฉีดเงินทุนโดยรัฐบาลเช่นนี้ถือเป็นมาตรการกึ่งโอนกิจการเป็นของรัฐ ซึ่งจะทำให้หนี้สินของสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า
ก่อนหน้านี้ อลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล ว่า เขาเห็นด้วยกับรัฐบาลสหรัฐที่ใช้มาตรการกอบกู้วิกฤตการณ์ของแฟนนี เม และเฟรดดี แมค และกล่าวว่าสถาบันการเงินทั้งสองแห่งควรเป็นสมบัติของชาติและแตกตัวเป็นบริษัทขนาดย่อย
"รัฐบาลควรแตกกิจการแฟนนี เม และเฟรดดี แมค และควรดำเนินการให้เป็นสมบัติของชาติอย่างถูกต้องตามกฎหมาย วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นกับสถาบันการเงินทั้งสองถือเป็นโอกาสที่รัฐบาลสหรัฐจะหันมาตระหนักถึงการวางรากฐานด้านการเงินอย่างถูกต้อง และการนำสถาบันการเงินทั้งสองมาเป็นสมบัติของชาติก็เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติอย่างแท้จริง" กรีนสแปนกล่าวกับวอลล์สตรีท เจอร์นัล หลังจากที่เขาไม่ค่อยให้สัมภาษณ์กับสื่อมาเป็นเวลาหลายเดือน
ท้อด ลีออง นักวิเคราะห์จากบริษัทโคเวน แอนด์ โค กล่าวว่า ตลาดถูกปกคลุมด้วยความวิตตกกังวลเกี่ยวกับสถานะของแฟนนี เม และเฟรดดี แมค ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มการเงินอย่างหนัก โดยหุ้นแฟนนี แมค ร่วงลง 22% หุ้นแฟนนี เม ร่วงลง 25% หุ้นเลห์แมน บราเธอร์ส ดิ่งลง 7.1% ส่วนหุ้นยูเนียนแบงคอล คอร์ป ร่วงลง 12% หลังจากมีข่าวว่าธนาคารมิตซุย ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล เพิ่มข้อเสนอซื้อหุ้นที่เหลืออยู่ของธนาคารยูเนียนแบงคอล
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--