นายไพบูลย์ นลินทรางกูร กรรมการผู้จัดการ บล.ทิสโก้(TSC)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ในช่วงครึ่งหลังปีนี้(2551)บริษัทฯได้หันไปมุ่งเน้นทำด้านตราสารหนี้มากขึ้น เนื่องจากช่วงนี้ภาวะตลาดหุ้นเอื้ออำนวย หวังใช้บุคลากรให้เกิดประโยชน์และสร้างรายได้ให้แก่บริษัทฯอย่างต่อเนื่อง ส่วนงานอื่น ๆ ก็ยังดำเนินการต่อเนื่องเพียงแต่ยังไม่เห็นผลในปีนี้
"คือเราก็พยายามที่จะทำให้มันคล่องตัว ตลาดฯไหนเปิดเราก็เข้าตลาดฯนั้น ช่วงนี้เข้าที่ตลาดหุ้นไทยไม่ได้ เราก็ไปตลาดตราสารหนี้"นายไพบูลย์ กล่าว
ในปีนี้บริษัทได้รัยงานด้านตราสารหนี้หลายงาน ขณะนี้ที่กำลังเตรียมการอยู่มี 2 ดีล คือ การออกตราสารหนี้ของ บมจ.อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) หรือ AEONTS มูลค่า 2 พันล้านบาท ซึ่งทิสโก้รับเป็น Lead underwriter และ บมจ.การบินไทย(THAI)ที่จะออกตราสารหนี้ ซึ่งบริษัทก็เป็นหนึ่งใน Lead underwriter
นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้บริษัทฯยังได้นำเสนอผลิตภัณฑ์พวกงานวิจัยประเภทใหม่ ๆ ในด้านตราสารหนี้ออกมาด้วย ซึ่งคาดว่าจะได้เห็นภายในเดือน ส.ค.นี้ บริษัทฯอยากจะพัฒนาส่วนงานวิจัยให้มีความครอบคลุมถึงสินค้าการลงทุนทุกประเภท
"เราก็มีการออกผลิตภัณฑ์พวกงานวิจัยประเภทใหม่ ๆ ออกมา เราก็มีการทำพวกเกี่ยวกับตราสารหนี้ออกมา น่าจะใกล้เห็นแล้วคือภายในเดือนนี้(ส.ค.)ก็น่าจะออกมา เราอยากจะพัฒนางานวิจัยให้ครอบคลุมถึงสินค้าการลงทุนทุกประเภท คือ หุ้น, ฟิวเจอร์ พวก Derivative ทั้งหลาย, ตราสารหนี้ อะไรพวกนี้ คงจะต้องพัฒนางานวิจัยให้เป็นในลักษณะการบริหารทรัพย์สินให้แก่ลูกค้าที่แตกแขนงออกไปจากหุ้น เราก็ทำอยู่เรื่อย ๆ ในขณะนี้"นายไพบูลย์ กล่าว
*คาดก้าวออกสู่เวียดนามอาจได้เห็นในปีหน้าเป็นอย่างเร็ว เหตุตลาดไม่เอื้อ
กรรมการผู้จัดการ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แผนขยายธุรกิจไปยังเวียดนามยังอยู่ในระหว่างเตรียมการ แม้ว่าตลาดเวียดนามจะดูซบเซาไป โดยบริษัทฯได้ส่งบุคลากรไปพบปะกับพันธมิตรที่เวียดนาม รวมถึงตนเองก็จะไปดูงานที่เวียดนามเช่นกัน แต่ยอมรับว่าปีนี้คงจะยังไม่เห็นผลตอบรับ เพราะตลาดฯไม่เอื้ออำนวย
"ส่วนงานที่เวียดนามเราก็ไม่ได้ทิ้งไป เราก็มีการส่งบุคลากรไปเจอกับ partner ของเราที่นู้นอยู่เรื่อย ๆ ก็มีการทำ Activity นะ อีกสักช่วงอาจจะมีการแถลงข่าวความคืบหน้าของงานที่นั่น ตอนนี้เราก็มีการทำอยู่เรื่อย ๆ แม้จะดูเงียบไป ไม่ได้ออกข่าว เพราะตลาดฯดูซบเซาไป แต่เราก็ยังเตรียมงานทำกันอยู่ ปีนี้มันคงจะไม่ได้ออกดอกออกผลอะไรหรอก เพราะตลาดฯมันไม่เอื้ออำนวยไง"นายไพบูลย์ กล่าว
ตลาดหุ้นเวียดนามในปีนี้ อยู่ภาวะที่แย่กว่าตลาดหุ้นไทย จากที่ปีก่อนดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามสูงกว่าดัชนีตลาดหุ้นไทย โดยปรับตัวขึ้นไปถึง 1,000 ขณะที่ดัชนี SET อยู่ที่ 800 จุด, แต่ปีนี้ดัชนี SET อยู่ในระดับ 700-800 จุด แต่ดัชนีหุ้นเวียดนามลงไปถึง 400 จุด
กรรมการผู้จัดการ บล.ทิสโก้ กล่าวอีกว่า นอกเหนือจากตลาดที่ประเทศเวียดนามแล้วยังไม่คิดไปลงทุนทำธุรกิจที่ประเทศอื่น เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแข่งกับคนท้องถิ่น
*ปีนี้จะพยายามรักษามาร์เก็ตแชร์ให้ได้ที่ระดับ 3-3.5%
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ปีนี้(2551)รายได้ของบริษัทฯส่วนใหญ่ยังมาจากการเป็นนายหน้าค้าหลักทรัพย์ในสัดส่วน 75% ส่วนที่เหลือ 25% เป็นรายได้มาจากงานวาณิชธนกิจ และการลงทุนต่าง ๆ โดยบริษัทตั้งเป้าหมายรักษาส่วนแบ่งการตลาดนายหน้าค้าหลักทรัพย์ให้ได้ในระดับ 3.0-3.5% จากปัจจุบันที่มีเฉลี่ยประมาณ 3%
บริษัทมีบัญชีลูกค้าอยู่ 12,000 บัญชีและมีที่ Active อยู่ประมาณ 30% ลูกค้าของบริษัทฯส่วนใหญ่จะเป็นประเภทสถาบัน โดยมีลูกค้าสถาบันต่างประเทศในสัดส่วน 35% สถาบันในประเทศ 25% ส่วนที่เหลือ 40% จะเป็นลูกค้ารายย่อย ซึ่งบริษัทฯเน้นลูกค้าสถาบันมาตั้งแต่ต้น เพราะงานวิจัยยังขายได้ ซึ่งหากเปิดเสรีโบรกเกอร์ เชื่อว่าบริษัทฯจะมีความสามารถที่จะแข่งขันทางธุรกิจได้
"ช่วงครึ่งปีหลังเราก็ยังถือว่าโอเคนะ ธุรกิจหลักเราขึ้นอยู่กับการซื้อขายรายวันของตลาดโดยรวมเป็นหลัก คือถ้าวอลุ่มเทรดเฉลี่ยต่อวันอยู่ 18,000-20,000 ล้านบาทต่อวันก็โอเค ไม่มีปัญหา เพราะปีที่แล้ว(2550)เฉลี่ยทั้งปี 17,000 ล้านบาทต่อวัน ปีนี้ตลาดฯสัก 18,000 ล้านบาทต่อวัน เรารักษามาร์เก็ตแชร์ให้ได้ เราก็มี growth ให้เห็น"นายไพบูลย์ กล่าว
ปัจจุบันบริษัทฯมี 5 สาขาเต็มรูปแบบ ได้แก่ สาขาที่เชียงใหม่, สาขาอุดรธานี, สาขานครราชสีมา สาขานครปฐม และสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ
"เดี๋ยวนี้ไม่ต้องทำ Cyber Branch แล้วสามารถเปิดเป็นแบบเต็มรูปแบบได้เลย ตอนนี้กฎมันอ่อนลงไปเยอะ คือมีคนแค่ 1-2 คนประจำก็เปิดเป็น Full Branch ได้แล้ เขามาเปิดเป็น Full Branch มี Conner เล็ก ๆ ในแบงก์ทิสโก้ ตอนนี้เรายังไม่มีแต่เรากำลังศึกษาอยู่ ใช้งบฯน้อยมาก (เปิดสาขาในแบงก์)ต้องไปที่ ๆ มันมีลูกค้า"นายไพบูลย์ กล่าว
*ครึ่งปีหลังเน้น M&A เหตุภาวะตลาดฯไม่เอื้อที่จะขาย IPO
กรรมการผู้จัดการ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ธุรกิจวาณิชธนกิจ(IB)ของบริษัทฯยังมีงานเข้ามาอยู่เรื่อย ๆ เพียงแต่ส่วนใหญ่จะเป็นงานด้าน M&A เนื่องจากงาน IPO ยังติดปัญหาภาวะตลาดฯที่ไม่เอื้อทำให้ต้องชะลอออกไปก่อน แม้ว่าปัจจุบันจะมีงาน IPO อยู่ 3 รายบริษัทฯที่พร้อมจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ แต่ภาวะตลาดฯไม่เอื้อทำให้ลูกค้าเห็นว่ายังไม่ต้องรีบร้อน
"IB เราก็มีงานเข้าอยู่เรื่อย ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นงาน M&A คือเราจะเห็น M&A เพราะงาน IPO ยังติดอยู่ที่ภาวะตลาดฯ ตอนนี้เราก็มีงาน IPO อยู่ 3 บริษัทที่พร้อมจะเข้ามาในตลาดฯ แต่ว่าเราคงจะต้องรอทิศทางตลาดฯให้มีปัจจัยบวกมากขึ้นอีก คือตอนนี้ลูกค้าของเราคงจะยังไม่อยากเข้า มองดัชนีฯระดับ 700 จุดมันคงจะต่ำเกินไป ผมคิดว่าคงจะต่ำเกินไปสำหรับทุกที่นะ ช่วงนี้คงจะยังไม่ค่อยได้เห็น IPO ดังนั้นงาน IB ของบริษัทฯคงจะเน้นไปที่ M&A
ทั้งนี้ ในเวียดนามก็จะเน้น M&A และ IPO ซึ่งมีโอกาสทางธุรกิจค่อนข้างมาก เพียงแต่ช่วงนี้ต้องชะลอไปก่อนเพื่อรอภาวะตลาดโดยรวมดีขึ้น
*เตรียมพร้อมเสมอสำหรับ Product ใหม่ ๆ ของตลาดฯ
กรรมการผู้จัดการ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า บริษัทฯได้มีการเตรียมพร้อมสำหรับ Product ใหม่ ๆ ของตลาดหลักทรัพย์อยู่เสมอ โดยเฉพาะการเตรียมพร้อมด้านบุคลากร
"ที่ผ่านมาบริษัทร่วมกับบลจ.ทหารไทย ทำ ETF Energy ส่วน Gold Future เราก็มีการเตรียมตัวไว้อยู่แล้ว เราก็มีทีมอนุพันธ์ที่เราได้มีอยู่แล้ว ถ้าตรงนี้เข้ามาเราก็พร้อมที่จะให้บริการได้ รวมถึง Stock Future ที่จะตามมาในอนาคต"กรรมการผู้จัดการ บล.ทิสโก้ กล่าว
ส่วนของตลาด TFEX บริษัทฯมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ประมาณ 3% ก็ถือว่าใช้ได้ ซึ่งในเมืองไทยคนที่เทรดอนุพันธ์จริง ๆ ยังมีไม่มากเท่าไร แต่ก็ยังดีที่ในแง่ของความสนใจได้มีเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีสินค้าเข้ามาหลากหลายมากขึ้น และก็มีความเข้าใจมากขึ้น ก็เชื่อว่าน่าจะช่วยเกื้อกูลให้ตลาด TFEX มีความคึกคักได้มากขึ้น
--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--