ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดร่วง 129.8 จุด หลังดาวโจนส์ดิ่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 20, 2008 07:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเกือบ 130 จุดเมื่อคืนนี้ (19 ส.ค.) เพราะได้รับปัจจัยลบจากการร่วงลงของตลาดหุ้นนิวยอร์ก ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อและปัญหาในภาคการเงินของสหรัฐ 
ดัชนี FTSE 100 ปิดร่วงลง 129.8 จุด หรือ 2.38% แตะระดับ 5,320.4 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,317.1-5,450.2 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนซบเซาลงเนื่องจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงติดต่อกันสองวัน ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาในภาคการเงินของสหรัฐ หลังจากนิตยสารบาร์รอนรายงานว่า กระทรวงการคลังสหรัฐอาจต้องซื้อหุ้นทั้งหมดของแฟนนี เม และเฟรดดี แมค และอาจโอนกิจการของบริษัททั้งสองแห่งเป็นของรัฐ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้หนี้สินของสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อในสหรัฐ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค.พุ่งขึ้น 1.2% สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึงสองเท่า และเป็นการขยายตัวในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 27 ปี ส่วนดัชนี PPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 0.7% ซึ่งเป็นการขยายตัวมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปี 2548
หุ้นกลุ่มการเงินดิ่งลงอย่งหนัก โดยหุ้นธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ดิ่งลง 87 เพนซ์ ปิดที่ 1326 เพนซ์ หุ้นธนาคารบาร์เคลย์ส ร่วงลง 18 เพนซ์ ปิดที่ 325 เพนซ์ หุ้นธนาคารลอยด์ ทีเอสบี ร่วงลง 18 เพนซ์ ปิดที่ 289 เพนซ์ และหุ้นธนาคาร HBOS ร่วงลง 22 เพนซ์ ปิดที่ 278 เพนซ์
หุ้นกลุ่มการเงินถูกกดดันหนักขึ้นเมื่อนายเคนเนธ โรกอฟฟ์ ซึ่งเป็นอดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) แสดงความเห็นว่า วิกฤตการณ์การเงินโลกยังไม่ได้ผ่านพ้นช่วงเลวร้ายที่สุด และคาดว่าธนาคารขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของสหรัฐอาจจะล้มละลายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ