บมจ.ยูนิ เวนเจอร์ (UV) คาดว่ากำไรสุทธิในปีนี้น่าจะทำได้ใกล้เคียงปี 50 ที่มีกำไรราว 100.95 ล้านบาท ผลจากราคาสังกะสีร่วงกว่าคาดมาที่ 1.7-1.8 พันเหรียญ/ตัน ทำให้ต้องเน้นปริมาณขายเพื่อชดเชย ขณะที่คงเป้ารายได้ปีนี้ที่ 1.3-1.4 พันล้านบาท โดยรายได้หลัก 60-70% ยังมาจากสังกะสี ขณะที่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เดินหน้ารุกเต็มกำลังทั้งภ่ายใต้บริษัทแม่ และบริษัทร่วมทุน คาดเห็นผลชัดเจนในปีหน้า หลังจากที่เริ่มรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงปลายปีนี้
"คิดว่ากำไรสุทธิปีนี้คงใกล้เคียงกับปีก่อน เนื่องจากราคาสังกะสีปรับตัวลดลง เหลือ 1.7-1.8 พันเหรียญ/ตัน จากเดิมที่คาดการณ์ไว้เมื่อตอนต้นปีว่าราคาสังกะสีจะอยู่ที่ประมาณ 2 พันเหรียญ/ตัน ซึ่งบริษัทจะเพิ่มปริมาณขายให้มากขึ้นเพื่อมาชดเชย"นายธนพล ศิริธนชัย กรรมการผู้จัดการ UV กล่าว
UV เป็นผู้ผลิตสังกะสีออกไซด์ และอยู่ระหว่างการขยายการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งลงทุนเอง เช่น โครงการอาคารสำนักงานและโรงแรมระดับห้าดาวแห่งใหม่บนแยกถนนเพลินจิต-วิทยุ มูลค่าการลงทุนกว่า 7,500 ล้านบาท และลงทุนผ่านบริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับ บมจ. แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) และ บริษัท บริษัท เยาววงศ์ โฮลดิ้ง จำกัด ในสัดส่วน 60:20:20 ตามลำดับ
นายธนพล กล่าวว่า ในครึ่งปีหลัง UV จะรับรู้รายได้จากอสังหาริมทรัพย์ตามสัดส่วนการถือหุ้นในโครงการที่เข้าร่วมทุนกับ บมจ. ปริญสิริ (PRIN) 2 โครงการมูลค่ารวมประมาณ 1 พันล้านบาท ส่วนโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนาเอง คือ โครงการตรงหัวมุมถนนเพลินจิตนั้น คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปลายปี 51 และจะแล้วเสร็จในปี 54
ส่วนโครงการที่ บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ เปิดดำเนินการแล้ว 2 โครงการ คือ โครงการพาร์ควิว วิภาวดี 4 มูลค่า 80 ล้านบาท และ โครงการยู สบาย คอนโดมิเนียม ที่พระราม 4 - กล้วยน้ำไท มูลค่า 500 ล้านบาท จะรับรู้รายได้ปี 52 และภายในไตรมาส 4 ของปีนี้วางแผนเปิดโครงการคอนโดยู ที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินบางซื่อ มูลค่า 1.6 พันล้านบาท
"เราจะเน้นทำเลห่างรถไฟฟ้าประมาณ 1-3 กม. แต่จะมีรถ Shutter Bus อำนวยความสะดวก โดยแต่ละโครงการที่เราทำอัตรากำไรขั้นต้น(Gross Profit Margin) จะอยู่ราวๆ 30% อัตรากำไรสุทธิ(Net Profit Margin)11-12%"
นายธนพล กล่าวยืนยันว่า ธุรกิจของ UV จะไม่ซ้ำซ้อนกับธุรกิจของบริษัทร่วมทุน"แกรนด์ยูนิตี้"เนื่องจาก UV จะลงทุนในโครงการใหญ่ๆ ประเภท โรงแรม ออฟิศ สำนักงาน ขณะที่แกรนด์ยูฯ เน้นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย 2 รูปแบบ คือ ลงทุนซื้อที่ดินเปล่ามาพัฒนาโครงการ และซื้อโครงการเก่าที่ขาดสภาพคล่องทางการเงินมาพัฒนาต่อ
ขณะนี้ แกรนด์ยูฯ กำลังเจรจาซื้อโครงการเก่าที่ขาดสภาพคล่องด้านการเงินมาพัฒนา 3-4 แห่ง มีตั้งแต่ระดับ 300-400 ล้านบาท ไปจนถึงสูงสุด 1.4 พันล้านบาท รวมมูลค่าประมาณ 2.5 พันล้านบาท และตั้งงบ 400 ล้านบาทซื้อที่ดินในปี 52 เป้าหมายเปิดตัวไตรมาสละ 1 โครงการ
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--