บมจ.ผลิตไฟฟ้า(EGCO)คาดรายได้และกำไรในช่วงครึ่งหลังปี 51 จะต่ำกว่าครึ่งแรกปีนี้ เนื่องจากจะมีการปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าขนอมและโรงไฟฟ้าระยองในไตรมาส 3/51 และ 4/51 ส่วนโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี(BLCP)จะปิดซ่อมประจำปีในเดือนธ.ค.ประกอบกับบริษัทได้รับผลกระทบจากรายได้ค่าไฟฟ้าที่ลดลงตามสูตรอัตราค่าไฟฟ้าที่กำหนดไว้
โดยเฉพาะการปิดซ่อมโรงไฟฟ้า BLCP ซึ่งสร้างรายได้หลักของบริษัทจะส่งผลให้รายได้ช่วงไตรมาส 4/51 ลดลงกว่าครึ่งของปกติ ซึ่งทำให้รายได้ในปี 51 จะไม่สามารถเติบโตตามเป้าหมายที่ 10% อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในปี 51 รายได้และกำไรจะต่ำกว่าเป้าหมาย แต่บริษัทมั่นใจว่าจะจ่ายปันผลมากกว่างวดปี 50 ที่จ่าย 4.75 บาท/หุ้น โดยครึ่งปีแรกบริษัทจ่ายไปแล้ว 2.50 บาท/หุ้น
"จากเดิมที่เราเคยประมาณการว่ารายได้ปีนี้จะเติบโต 10% คงเป็นเรื่องยาก เนื่องจากเรายังไม่มีโครงการใหม่ๆเข้ามา แต่ในระยะยาวหลังโครงการแล้วเสร็จ เชื่อว่าอัตราการเติบโตในระยะ 10 ปีข้างหน้าจะโตปีละ 10%....ในไตรมาส 4 นี้ รายได้และกำไรของเราจะลดลงไปครึ่งหนึ่งของ 3 ไตรมาสที่ทำได้" นายวิศิษฎ์ อัครวิเนค กรรมการผู้จัดการใหญ่ EGCO กล่าว
EGCO อยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อเข้าประมูลงานโรงไฟฟ้าในต่างประเทศในแถบอาเซียนอีก 3 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการที่ต้องใช้เวลาก่อสร้าง 2-3 ปี
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทยังไม่มีรายได้จากโครงการใหม่ๆ เข้ามา รวมทั้งโครงการเดิม คือ โรงไฟฟ้าขนอมและระยองจะมีการปิดซ่อมในไตรมาส 3/51 และ 4/51 ส่วนโรงไฟฟ้า BLCP ก็จะมีการปิดซ่อมประจำปีในช่วงธ.ค. ทำให้บริษัทมีรายได้และกำไรลดลงในปีนี้ แต่ในปี 52 หวังว่าจะมีรายได้จากโครงการใหม่ โดยคาดว่าจะมีโครงการน้ำเทิน 2 ที่จะแล้วเสร็จในช่วง ธ.ค.52 แต่บริษัทจะพยายามให้เสร็จเป็นต.ค.52 เร็วขึ้น กำลังการผลิต 1,070 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทถือหุ้นอยู่ 25%
ส่วนโครงการน้ำเงี๊ยบ น้ำงึม 3 และน้ำเทิน 1 นายวิศิษฎ์ คาดว่า จะล่าช้ากว่าแผนที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2557 จะเสร็จในปี 2558 เนื่องจากความล่าช้าของรัฐบาลลาวในการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยนาบอง ประกอบกับ ต้นทุนค่าก่อสร้างโรงไฟฟ้าปรับสูงขึ้นตามราคาวัตถุดิบ ทำให้จะต้องมีการเจรจาค่ารับซื้อไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)กันใหม่
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้า โดยการทำโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) หลังจากได้งานที่นิคมฯ อุตสาหกรรมลาดกระบังอยู่ระหว่างเจรจางานอีก 2-3 โครงการ ซึ่งหากได้งานก็จะช่วยเพิ่มสัดส่วนมาร์เก็ตแชร์ SPP ของบริษัทที่ปัจจุบันมีประมาณ 1%
อนึ่งในวันนี้ EGCO เข้าร่วมลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้า SPP ขนาด 45 เมกะวัตต์ ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง มูลค่าลงทุน 2 พันล้านบาท เป็นการร่วมทุนระหว่างบมจ.ปตท. (PTT) และบมจ.ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น(TRC) โดย PTT และ EGCO จะถือหุ้นในสัดส่วน 35% เท่ากัน ส่วน TRC ถือหุ้น 30%
สำหรับโรงไฟฟ้าพลังลมที่ จ.นครศรีธรรมราช เชื่อว่า จะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 3/51 ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานขยะที่ จ.ภูเก็ต คงต้องล่าช้าออกไปจากแผนเดิมที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการเลือกตั้งใหม่ในเทศบาลภูเก็ต และต้นทุนที่สูงขึ้น
ส่วนโครงการFi'waahkเกาะกง ขณะนี้ยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงแม้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและกัมพูชาจะมีความเปราะบาล แต่บริษัทได้รับการยืนยันแล้วว่า มี 3 กลุ่มที่มีสิทธิ์เข้าไปทำ ประกอบด้วย กลุ่มแรกของไทย EGCO, บมจ.ราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH), EGAT International และ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) ส่วนกลุ่มที่สอง เจพาวเวอร์ และกลุ่มนักลงทุนจีน
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/เสาวลักษณ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--