ตลาดหุ้นเอเชียดิ่งถ้วนหน้าเช้านี้ ขณะนลท.วิตกปัญหาภาคการเงินในสหรัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 21, 2008 10:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียร่วงลงถ้วนหน้าในช่วงเช้านี้ โดยหุ้นกลุ่มการเงินดิ่งลงหนักสุด หลังจากบริษัทแบ็บค็อก แอนด์ บราวน์ เปิดเผยผลประกอบการที่ร่วงลงเป็นครั้งแรก ซึ่งทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าวิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่อจะลุกลามในวงกว้าง นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มการเงินยังได้รับแรงกดดันจากปัญหาที่เกิดขึ้นกับแฟนนี เม และเฟรดดี แมค ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รัฐบาลสหรัฐให้การสนับสนุน (GSE) และมีหน้าที่จัดหาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ซื้อบ้าน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดเช้าลดลง 44.56 จุด หรือ 0.4% แตะที่ 12,807.13 จุด ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดตลาดเช้าร่วงลง 168.61 จุด หรือ 0.8% แตะ 20,762.65 จุด
ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปรับตัวลง 35.70 จุด หรือ 1.41% แตะ 2,487.58 จุด และดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ร่วงลง 1.02% แตะที่ระดับ 1,524.89 จุด
จูอิชิ วาโกะ นักวิเคราะห์จากบริษัทโนมูระ โฮลดิ้ง กล่าวว่า "นอกเหนือจากปัญหาในภาคการเงินแล้ว การที่ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ นับเป็นอีกปัจจัยที่ถ่วงตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงเช้านี้ ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นประกอบกับดัชนีราคาผู้ผลิตที่ทะยานขึ้นเกินความคาดหมายของสหรัฐ จุดปะทุให้เกิดความกังวลเรื่องเงินเฟ้อระลอกใหม่"
ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือนก.ย.ดีดขึ้น 45 เซนต์ ปิดที่ 114.98 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนให้น้ำหนักกับสถานการณ์ต่างๆที่อาจส่งผลกระทบต่อภาวะอุปทานพลังงานทั่วโลก รวมถึง ผลการประชุมโอเปค และสถานการณ์สู้รบระหว่างรัสเซียและจอร์เจีย
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค.พุ่งขึ้น 1.2% ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้และเป็นการขยายตัวในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 27 ปี ส่วนดัชนี PPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 0.7% ซึ่งเป็นการขยายตัวมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปี 2548 โดยปัจจัยที่ทำให้ดัชนี PPI เดือนก.ค.พุ่งขึ้นเกินคาดมาจากราคาพลังงานที่สูงขึ้น 3.1% และราคาอาหารที่พุ่งขึ้น 0.3%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ