SCIBS คาดผลประกอบการ 2H51 ไม่ดีกว่า 1H51 เหตุวอลุ่มหด-ขยายธุรกิจล่าช้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 22, 2008 14:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายสาธิต วรรณศิลปิน กรรมการผู้จัดการ สายงานนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ บล.นครหลวงไทย(SCIBS)ยอมรับว่า กังวลว่าผลประกอบการงวดครึ่งปีหลัง(2551)อาจจะออกมาต่ำกว่าประมาณการ เนื่องจากวอลุ่มเทรดในปัจจุบันลดลงมาก และแผนขยายธุรกิจของบริษัทล่าช้ากว่าที่คาดไว้ จึงอาจทำให้ผลประกอบการคงไม่ดีกว่าครึ่งปีแรก 
"ครึ่งแรกของปีนี้เราทำได้ดีกว่าประมาณการที่วางไว้ ครึ่งหลังของปีนี้กำลังคิดอยู่เหมือนกันว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ได้ commit ไว้กับบอร์ดของธนาคาร(ธ.นครหลวงไทย)หรือเปล่า"นายสาธิต กล่าว
ปัจจุยัน ธนาคารนครหลวงไทย(SCIB) ถือหุ้นใน SCIBS ในสัดส่วน 99.7%
นายสาธิต กล่าวว่า วอลุ่มเทรดรวมของตลาดหุ้นไทยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาลดลงมาเหลือแค่เฉลี่ยที่ 13,000-14,000 ล้านบาท/วัน จากที่คาดการณ์ในระดับ 16,000-20,000 ล้านบาท/วัน ดังนั้นแม้ส่วนแบ่งตลาด(มาร์เก็ตแชร์)ในธุรกิจค้าหลักทรัพย์จะปรับตัวดีขึ้น แต่หากวอลุ่มตลาดรวมลดลง ก็คงหนีไม่พ้นที่ผลประกอบการจะออกมาต่ำกว่าคาด
ด้านแผนขยายธุรกิจนั้น เดิมกำหนดจะเปิดสาขาย่อย 20 แห่งภายในปีนี้(2551)แต่ถึงขณะนี้ทำได้แค่ 14 แห่งเท่านั้น ถือว่าช้าไปจากคาดไว้พอสมควร เนื่องจากติดขัดด้านบุคลากร ดังนั้นผลประกอบการอาจจะไม่ดีเหมือนช่วง 6 เดือนแรกของปี
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงประมาณการผลประกอบการไว้ในระดับเดิมตามที่ได้รายงานกับคณะกรรมการ SCIB เพราะอย่างน้อยในครึ่งปีแรกผลประกอบการก็ออกมาสูงกว่าประมาณการ แต่หากภาวะตลาดฯซบเซามากกว่าที่คาดไว้ก็อาจจำเป็นต้องปรับประมาณการลง แต่ในด้านมาร์เก็ตแชร์ยังเชื่อว่าจะทำได้ใกล้เคียงที่คาดไว้
*ครึ่งปีหลังเปิดสาขาย่อยเพิ่ม-เร่งเพิ่มบัญชีลูกค้า พัฒนาบุคลากรมุ่งสู่ SCIB family
กรรมการผู้จัดการ SCIBS กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทฯกำลังคิดที่จะเปิดสาขาย่อยเพิ่มอีกในครึ่งหลังปีนี้(2551)โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาก็มีที่เชียงราย, ตรัง, ขอนแก่น, สระบุรี ส่วนอีก 2 แห่งยังไม่แน่ใจในตอนนี้แต่ก็มองไว้ที่ระนอง และอุบลฯ โดยจะใช้งบลงทุนในแต่ละสาขาจะใช้ประมาณ 3-5 แสนบาท
"สาขาย่อยของบริษัทฯเป็น Mini-Branch แต่สามารถให้บริการแบบ Full Service หมายความว่าลูกค้าสามารถส่งคำสั่งได้ทุกรูปแบบไม่ใช่เฉพาะอินเตอร์เน็ตอย่างเดียว ลูกค้าสามารถส่งคำสั่งโดยอินเตอร์เน็ตก็ได้ที่สาขาย่อย หรือลูกค้าจะใช้วิธีส่งคำสั่งทางออเดอร์แล้วส่งมาที่มาร์เก็ตติ้งเป็นคนคีย์ให้ก็ได้ แล้วก็ product ของเราที่นั่นก็มีให้บริการครบหมดทุกอย่าง ทั้งหุ้น ทั้ง Derivative ทั้งนี้งบลงทุนในแต่ละสาขาจะใช้ประมาณ 300,000-500,000 บาท"กรรมการผู้จัดการ SCIBS กล่าว
ปัจจุบันบริษัทฯมีสาขาทั้งหมด 19 แห่ง เป็นสาขาหลัก 5 แห่ง ตั้งอยู่ที่สมุทรสาคร, หาดใหญ่, ชาญอิสระ 2, อาคารสินธร และที่วงศ์สว่าง ส่วนสาขาย่อยมี 14 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่สาขาของธนาคารนครหลวงไทยทั้งหมด
นอกจากนั้น ในช่วง 6 เดือนหลังของปีนี้บริษัทฯจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร พร้อมเน้นให้บริการผลิตภัณฑ์ทางการเงินประเภทต่าง ๆ แก่ลูกค้า โดยมีจุดยืนชัดเจนจะเดินไปในทิศทางเดียวกับกลุ่ม SCIB Family โดยจะมีการปรับการทำงานเพื่อให้ประสานงานกับบริษัทในเครือของธนาคารนครหลวงไทยได้ทั้งหมด
"การลงทุนในด้านเทคโนโลยีบางส่วนเพื่อให้เรามีความพร้อมมากขึ้น เป็นการประสานงานระหว่างทางด้าน Back กับ Front ให้ไปในทางเดียวกัน เราก็ทำเรื่องนี้อยู่ ซึ่งเราก็ซื้อ software มาแล้วคาดว่าจะเรียบร้อยในครึ่งหลังของปีนี้ แล้วก็แผนการสร้างคนของเราคงจะยังไม่ได้เน้นเรื่อง wealth อย่างเดียว คงจะเน้นเรื่องอื่นด้วย อย่างการให้บริการแก่ลูกค้าในส่วนของ Product ทางการเงินประเภทต่าง ๆ เรามีจุดยืนชัดเจนว่าเราจะเดินไปในทิศทางเดียวกับกลุ่มของ SCIB คือ SCIB Family"
นายสาธิต กล่าว
*ตั้งเป้าเพิ่มบัญชีลูกค้าหลักทรัพย์เป็น 8,500 บัญชี-TFEX เพิ่มเป็น 1,000 บัญชีในปีนี้
นายสาธิต กล่าวว่า มาร์เก็ตแชร์ของธุรกิจหลักทรัพย์ในขณะนี้อยู่ที่ 1.2% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 1.5% ในปีนี้(2551) โดยลูกค้าส่วนใหญ่ยังเป็นรายย่อยที่มีสัดส่วน 90% ส่วนที่เหลืออีก 10% เป็นลูกค้าสถาบันในประเทศ ด้านบัญชีลูกค้าของธุรกิจหลักทรัพย์ปัจจุบันมีอยู่ 8,000 บัญชี โดยมีที่ Active 2,500 บัญชี ซึ่งในปีนี้มีเป้าหมายที่จะเพิ่มบัญชีลูกค้าหลักทรัพย์ให้ได้ถึง 8,500 บัญชี
ส่วนมาร์เก็ตแชร์ของตลาด TFEX ค่อนข้างดีตอนนี้อยู่ที่ 2% จากเป้าที่ตั้งไว้ 2.5% ปีนี้ ลูกค้าในตลาด TFEX ของบริษัทฯส่วนใหญ่ยังเป็นรายย่อย 60% และที่เหลือ 40% เป็นลูกค้ารายสถาบันในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้บัญชีลูกค้า TFEX ปัจจุบันมี 500 บัญชีและมีที่ Active ประมาณ 200 บัญชี ซึ่งปีนี้(2551)มีเป้าหมายที่จะเพิ่มบัญชีลูกค้า TFEX ให้ได้ถึง 1,000 บัญชี
"Product ที่ตลาดฯกำลังจะออกมาก็มีหลายเรื่องที่จะต้องมีการปรับจูนภายในเพื่อให้มารองรับ อยู่ในแผนการสร้างบุคลากรให้เป็น wealth management คือ การบริหารความมั่งคั่งส่วนบุคคลได้ เรามีการเปิดสาขาต้นแบบที่สวนมะลิ(เพิ่งเปิดเมื่อ 8 ส.ค.2551)เพื่อที่จะเริ่มให้บริการ wealth management แล้วก็มีการปรับวิธีการทำงาน มีการปรับวิธีการให้บริการลูกค้าจากรูปแบบปกติ อันนี้ก็เป็นสาขาต้นแบบที่ใช้กับสาขาย่อยอื่น ๆ ในอนาคต"นายสาธิต กล่าว
*รายได้ IB ครึ่งปีแรกโตเกิน 800%,รับงาน IPO ไว้ในมือแล้ว 3-4 ดีล
กรรมการผู้จัดการ SCIBS กล่าวว่า งานธุรกิจวาณิชธนกิจ(IB)ในงวดครึ่งแรกของปีนี้ทำรายได้ได้ดีมากขยายตัวเกิน 800% ขณะที่ครึ่งหลังปีนี้(2551)คงต้องรอลุ้นให้ตลาดฯฟื้นกลับ พร้อมเผยเซ็นสัญญารับงานดีล IPO ไปแล้ว 3-4 ราย มูลค่าเกือบ 10,000 ล้านบาท
"งาน IB ในครึ่งปีแรกทำตัวเลขยอดของรายได้มีการขยายตัวเกิน 800% แต่ว่าไม่ใช่ตัวเลข IPO ทั้งหมดนะครับ แต่ว่าก็จะเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน อะไรหลาย ๆ อย่าง แต่ช่วงนี้ตลาดฯมันปิด ขณะนี้เราจึงเป็นแค่ Co-underwriter เป็นส่วนใหญ่ แต่ว่าในอนาคตเรามีหุ้นหลายบริษัทฯที่อยู่ใน line ที่เราจะเป็น Lead underwriter"กรรมการผู้จัดการ SCIBS กล่าว
นายสาธิต กล่าวอีกว่า พอร์ตลงทุนของบริษัทฯปัจจุบันมีทั้งลงทุนระยะยาวและลงทุนระยะสั้น ซึ่งพอร์ตลงทุนระยะยาวจะลงทุนโดยผ่านบลจ. ส่วนพอร์ตลงทุนระยะสั้นเป็นลักษณะของการเทรดดิ้ง ซึ่งจำกัดงบฯไว้ไม่เกิน 20 ล้านบาท ขณะนี้ได้ลงทุนไปแล้วประมาณ 8 ล้านบาท

แท็ก ศิลปิน  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ