JAS เผย"จัสเทล เน็ทเวิร์ค"มีแผนลงทุนเคเบิ้ลใยแก้วใต้น้ำ 2-3 พันลบ.ปี 52

          บริษัท จัสเทล เน็ทเวิร์ค จำกัด ในเครือบมจ. จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) เผยมีแผนลงทุนโครงข่ายเคเบิลใยแก้วใต้น้ำ มูลค่า 2-3 พันล้านบาท ในปี 52 เตรียมหาพันธมิตรเข้าร่วมทุนทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง
          "บริษัทมีแผนร่วมกับนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ เพราะต้องใช้เงินลงทุนสูงถึง 2-3 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าการร่วมทุนครั้งนี้จะได้รับการตอบรับที่ดี และเชื่อว่า การลงทุนนี้จะไม่ซับซ้อนกับ CAT (กสท.) กับ ทีโอที และเชื่อว่า 2 รายนี้เป็นองค์กรรัฐวิสาหกิจที่ทำธุรกิจระหว่างรัฐ แต่เราเป็นเอกชนในต่างประเทศ ที่เราสามารถเข้าถึงได้มากกว่า และมีการการันตีเรื่องอุปกรณ์และความพร้อม และโครงข่าย Gateway ระหว่างประเทศเราทำมากว่า 15 ปีให้กับ CAT และ ทีโอที" นายสมชาย ตรีรัตนกูล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท จัสเทลฯ กล่าว
          ทั้งนี้ เชื่อว่าในอนาคตหากมีการพัฒนาระบบที่ดีจะสามารถเชื่อมโยงระบบของทุกรายเข้าไว้ด้วยกัน และจะส่งผลให้ประเทศไทย กลายเป็น International Hub ในการให้บริการด้านสื่อสารโทรคมนาคมระหว่างประเทศ 
          ปัจจุบัน บริษัทมีฐานลูกค้าครอบคลุมในหลากหลายธุรกิจ เช่น การให้บริการสื่อสารระหว่างประเทศ , อินเตอร์เน็ต, สถาบันการเงิน , สถานฑูต , สำนักข่าว และ กลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆที่มีบริษัทแม่อยู่ต่างประเทศ 
          ขณะเดียวกัน นายสมชาย คาดว่าในปี 51 รายได้ของบริษัทจะอยู่ที่ 450 ล้านบาทจากปีก่อน 100 ล้านบาท ซึ่งเริ่มดำเนินกิจการ มิ.ย. 50  โดยรายได้เติบโต 5 เท่า และใน 2 ปีข้างหน้ารายได้จะเติบโตแตะ 1 พันล้านบาท หลังจากขยายธุรกิจไปสู่การให้บริการด้านสื่อสารผ่านเคเบิลใต้น้ำ 
          อย่างไรก็ตาม ธุรกิจการสื่อสารโทรคมนาคมระหว่างประเทศ มีมูลค่าประมาณ 1 หมื่นล้านบาทต่อปี แต่อัตราการเติบโตไม่ถึง 10%ต่อปี เนื่องจากไทยยังติดข้อกฎหมายด้านโทรคมนาคม ที่ยังไม่เปิดเสรีอย่างแท้จริง 
          แต่หลังจากที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ได้อนุมัติใบอนุญาคตที่เปิดกว้างให้เอกชนสามารถประกอบธุรกิจระหว่างประเทศ  ซึ่งในอนาคตจะมีการให้ใบอนุญาต Wimaxและ 3G จะส่งผลให้ธุรกิจนี้มีอัตราการเติบโตและเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ
          อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมา ต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในกิจการโทรคมนาคมในไทย และประสบปัญหา ทำให้นักลงทุนต่างชาติขยาดที่จะเข้ามาลงทุนในไทย ดังนั้น กฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับต่างชาติ ทุกฝ่ายรวมถึงบริษัท ต้งการก็รอความชัดเจน ก่อนที่จะเข้ามาลงทุนครั้งใหญ่ในประเทศไทย