ฟิทช์ เรทติ้งส์ จัดอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. ที่ระดับ ‘BBB+’ อันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินในประเทศ ที่ระดับ ‘A’ และอันดับเครดิตสากลระยะสั้นสกุลเงินต่างประเทศ ที่ระดับ ‘F2’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ ในขณะเดียวกันบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ ปตท. เป็น ‘AAA(tha)’ จาก ‘AA+(tha)’ และคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ระดับ ‘F1+(tha)’ นอกจากนี้ฟิทช์ยังปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิของบริษัทซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณ 8.8 หมื่นล้านบาทเป็น ‘AAA(tha)’ จาก ‘AA+(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ
อันดับเครดิตสะท้อนถึงความเป็นผู้นำของปตท.ในธุรกิจก๊าซธรรมชาติและน้ำมันในประเทศไทย ความสำคัญของปตท.ในการสนองนโยบายของรัฐบาลที่เกี่ยวกับความมั่นคงทางด้านพลังงานในประเทศไทย รวมถึงการมีส่วนรวมในการกำหนดทิศทางการพัฒนากิจการพลังงานของประเทศ ปตท.ยังคงเป็นผู้ดำเนินการระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ การจัดหาและการจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติเพียงรายเดียวในประเทศไทย เนื่องจากปตท.มีเครือข่ายระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติที่ครอบคลุมพื้นที่การใช้ก๊าซธรรมชาติเพียงรายเดียวในประเทศ และมีสัญญาเช่าระยะยาวในส่วนของท่อส่งก๊าซที่โอนคืนให้กับกระทรวงการคลัง รวมถึงการมีสัญญาการจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติระยะยาวกับผู้ใช้ก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ทุกรายในประเทศ นอกจากนี้การลงทุนที่สูงในการก่อสร้างระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติได้มีส่วนช่วยจำกัดการแข่งขันจากผู้ลงทุนรายใหม่อีกด้วย ปตท.ยังเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในประเทศไทยโดยผ่านการเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. สผ. โดยมีปริมาณสำรองปิโตรเลียมมากที่สุด และมีปริมาณการผลิตปิโตรเลียมสูงเป็นอันดับที่สองในประเทศไทย ปตท.ยังเป็นผู้จัดหาและจัดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติที่ใช้ในประเทศไทยเกือบทั้งหมด และเป็นผู้จัดจำหน่ายรายใหญ่ในธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) และธุรกิจน้ำมัน
ฟิทช์ยังให้ความเห็นอีกว่า อันดับเครดิตยังพิจารณารวมถึงคณะผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจเป็นอย่างดี และกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของบริษัท ธุรกิจก๊าซธรรมชาติเป็นธุรกิจหลักของปตท.ในการสร้างกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) และยังสามารถสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ค่อนข้างคงที่ โดยเป็นผลมาจากสัญญาการจัดจำหน่ายระยะยาวซึ่งมีการกำหนดปริมาณการซื้อขั้นต่ำจากคู่สัญญาในลักษณะ take-or-pay รวมถึงความสามารถในการส่งผ่านต้นทุนการขายให้แก่ลูกค้า และความผันผวนที่น้อยกว่าของราคาก๊าซธรรมชาติเมื่อเทียบกับราคาน้ำมัน
อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการสนับสนุนของรัฐบาลต่อปตท.ในทางอ้อม (Implicit Support) ซึ่งช่วยทำให้อันดับเครดิตเพิ่มขึ้นหนึ่งอันดับจากอันดับเครดิตของปตท.เอง (Stand-alone Rating) โดยการสนับสนุนของรัฐบาลต่อปตท.ในทางอ้อมดังกล่าวพิจารณาจากการที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในปตท. ขนาดของบริษัท ความสำคัญในธุรกิจของปตท.ต่อประเทศ และการที่ปตท.เป็นผู้ดำเนินธุรกิจก๊าซธรรมชาติรายเดียวในประเทศ การปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศของปตท.เป็นผลมาจากการพิจารณาการสนับสนุนของรัฐบาลต่อปตท.ในทางอ้อมดังกล่าวซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มอันดับเครดิตและเพื่อให้สอดคล้องกับอันดับเครดิตสากลของปตท. นอกจากนี้อันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศของปตท. ถูกจำกัดให้เท่ากับอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศของประเทศไทยที่ระดับ ‘BBB+’ เนื่องจากการที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในปตท.และการที่ธุรกิจหลักส่วนใหญ่ของปตท.ดำเนินอยู่ในประเทศไทย
ปตท.ยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2551 ปตท.และบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) รวม 82,519 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 18%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการเพิ่มขึ้นอย่างมากของ EBITDA จากธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมและธุรกิจก๊าซธรรมชาติแม้ว่า EBITDA ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2551 ดังกล่าวจะไม่รวม EBITDA ในส่วนของบริษัท ปตท. เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีการเปลี่ยนสถานะจากบริษัทย่อยเป็นบริษัทร่วมตั้งแต่ต้นปี 2551 EBITDA จากธุรกิจก๊าซธรรมชาติและธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมคิดเป็นสัดส่วน 94% ของ EBITDA รวมในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2551 สถานะทางการเงินของปตท.ยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องโดยบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่าในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา (Net Adjusted Debt/Last-12-month EBITDAR) คงที่อยู่ที่ 1.0 เท่าในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2551 (1.0 เท่าในปี 2550) และมีอัตราส่วน EBITDA ต่อดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 13.5 เท่า (เทียบกับ 11.1 เท่า ในปี 2550)
ความแข็งแกร่งของอันดับเครดิตของปตท. ถูกลดทอนลงจากปัจจัยเสี่ยงที่บริษัทต้องเผชิญกับความผันผวนที่สูงของราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ แผนการลงทุนในอนาคตของปตท.ที่มีขนาดใหญ่ รวมถึงความเสี่ยงในเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางด้านกฎระเบียบและทางด้านการเมือง และความเสี่ยงในด้านอัตราแลกเปลี่ยนในระดับหนึ่ง ปตท.มีแผนการลงทุน 5 ปี (ปี 2551 ถึง 2555) ในโครงการต่างๆ รวมมูลค่า 2.4 แสนล้านบาท การลงทุนที่สูงอย่างต่อเนื่องน่าจะทำให้หนี้สินสุทธิและอัตราส่วนหนี้สินของปตท.เพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตามสถานะทางการเงินและสภาพคล่องของบริษัทน่าจะยังคงแข็งแกร่งอยู่ โดยที่อัตราส่วนหนี้สินสุทธิของบริษัทน่าจะอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 2.0 เท่าของ EBITDA
แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าปตท.จะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งมากอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และสามารถรักษาสถานะทางการเงินให้อยู่ในระดับที่สอดคล้องกับอันดับเครดิต ณ ปัจจุบันของบริษัทได้ตลอดช่วงวัฏจักรของธุรกิจก๊าซธรรมชาติและน้ำมัน และการคาดการณ์ว่ากระทรวงการคลังจะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในปตท. อันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงเท่ากับอันดับเครดิตของปตท.เอง (Standalone Rating) ถ้าความสัมพันธ์ระหว่างภาครัฐฯกับบริษัทลดลง
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--