นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายบริหารและการเงิน บมจ. โรงแรมเซ็นทรัล พลาซา (CENTEL) คาดว่า ในไตรมาส 3 นี้ บริษัทจะมีกำไรประมาณ 700 ล้านบาท หลังจากบริษัทนำโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์บีช รีสอร์ทสมุย เข้ากองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา (CENTARA) เพื่อเปิดให้เช่า และคาดว่าจะทำให้กำไรทั้งปีของบริษัทเติบโตมากกว่า 20% จากปีก่อน มาที่ 1.2-1.3 พันล้านบาท
อนึ่ง กำไรสุทธิปี 50 อยู่ที่ 397 ล้านบาท โดยในช่วง 6 เดือนแรกปี 51 มีกำไรสุทธิ 301 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทมีแผนขยายกองทุนฯ โดยตั้งเป้าให้มีมูลค่าถึง 1 หมื่นล้านบาท ภายใน 2-3 ปีนี้ โดยจะนำโรงแรมที่กระบี่ และ ภูเก็ตเข้าไปเป็นทรัพย์สินในกองทุน โดยเบื้องต้นคาดว่าจะขยายกองทุนในช่วงกลางปี 52 ที่จะนำโรงแรม 2 แห่งในภูเก็ตนำเข้ากองทุน CENTARA ส่วนโรงแรมอีกแห่งที่กระบี่อาจเข้าปลายปี 52 หรือในปี 53
กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทาราดังกล่าว จะเปิดขาย 8-18 ก.ย. มูลค่า 3.2 พันล้านบาท โดยนำโรงแรมเซ็นทาราบีช รีสอร์ท สมุย เข้ามาเป็นทรัพย์สิน สิทธิการเช่า 30 ปี โดยรับประกันรายได้ค่าเช่าสะสมของกองทุนรวมไม่ต่ำกว่า 9% ต่อปี เป็นเวลา 4 ปี และจ่ายปันผล 4 ครั้งต่อปี คาดว่าจะเข้าเทรดในตลาดภายใน 1 เดือนหลังจากเปิดจองซื้อ
"เดิมเราเคยวางแผนจะขายกองทุน 1 หมื่นล้านบาทแต่ภาวะไม่เอื้อ คณะกรรมการจึงเห็นว่านำโรงแรมที่สมุย ซึ่งเป็นโรงแรมที่ดีที่สุดของบริษัทเข้าไปก่อน และจะทยอยเพิ่มทรัพย์สินในกองทุน"นายรณชิต กล่าว
ทั้งนี้ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ บีช รีสอร์ทสมุย เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว อยู่บนหาดเฉวงที่สวยที่สุดในเกาะสมุย เปิดดำเนินงานมา 13 ปีแล้ว มีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 75-84%ต่อปี โดยในครึ่งแรกปี 51 อัตราเข้าพักอยู่ที่ 79% สูงกว่าครึ่งแรกปี 50 ที่มี 72-73% โดยลูกค้าส่วนใหญ่กว่า 70% เป็นชาวยุโรป โดยคาดว่าปีนี้โรงแรมแห่งนี้จะมีรายได้ราว 530 ล้านบาท จากปีก่อนที่ 450-460 ล้านบาท
*รายได้ปี 52 โตต่อเนื่อง 20%,ปี 53 แตะหมื่นล้านบาท
นายรณชิต คาดว่า อัตราเข้าพักเฉลี่ยของโรงแรมในเครือเซ็นทาราในปี 51 อยู่ที่ 78-79% สูงจากปีก่อนที่มี 67-68% ซึ่งเป็นผลจากการปรับกลยุทธ์ตลาด ที่มีการวางแผนการตลาดล่วงหน้า ซึ่งจะร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ และ เอเย่นต์ที่มีอยู่กว่า 100 ราย และแม้ว่าราคาตั๋วเครื่องบินปรับสูงขึ้นจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่เมื่อเทียบกับการเข้ามาท่องเที่ยวและเข้าพักในไทยมีรายจ่ายต่ำกว่าที่จะเที่ยวในโซนยุโรป และคาดว่าในช่วงไฮซีซั่น(พ.ย.51-มี.ค.52) ก็จะมียอดจองสูงและมีอัตราเข้าพักสูงถึง 80%
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่รายได้ในปี 51 จะโต 20% จากปีก่อนที่มี 7.18 พันล้านบาท
"ยอด Booking ยังมีเข้ามาต่อเนื่อง เชื่อว่า สถานการณ์ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯไม่น่าจะรุนแรงและไม่มีผลกระทบ ผมมองว่าเป็นเรื่องระยะสั้น หลายๆฝ่ายก็ช่วยกันเรื่องการท่องเที่ยว" นายรณชิต กล่าว
สำหรับในปี 52 คาดว่ารายได้จะโต 20% จากปี 51 มาที่กว่า 9 พันล้านบาท และปี 53 จะมีรายได้เติบโตต่อเนื่องคาดว่าถึง 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากในปี 52 จะมีรายได้จากโรงแรมใหม่เพิ่มอีก 2 แห่ง คือ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิล์ด และ โรงแรมใหม่ที่พัทยา รวมทั้งบริษัทได้เข้าบริหารโรงแรมที่มัลดีฟ ที่คาดว่าจะเข้าไปบริหารกลางปี 52 และ บริหารโรงแรมและคอนเวนชั่น ในจ.ขอนแก่น
ปัจจุบันบริษัทมีโรงแรมในกลุ่มเซ็นทารา จำนวน 10 แห่ง และปีหน้าจะเพิ่มเป็น 12 แห่ง