นายวีรศักดิ์ ชัยสุพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีเอสพี สตีลเซ็นเตอร์ (CSP) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับเป้ายอดขายลงเหลือโต 25% จากช่วงต้นเดือนส.ค.ที่มองว่าจะโต 30-40% หรือ 4 พันล้านบาท โดยเป็นการปรับลดลงจากสถานการณ์การเมืองที่กังวลว่าอาจจะมีความยืดเยื้อและอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีฐานลูกค้าต่างประเทศ
นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 3 จะเป็นช่วง Low Season ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อยอดขายลดลงด้วย ซึ่งแตกต่างเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกที่ยอดขายเพิ่มขึ้นมากและยังได้รับผลดีจากราคาเหล็กที่ปรับขึ้นสูง ซึ่งจากราคาเหล็กที่ปรับสูงขั้นจะส่งผลให้มาร์จิ้นในปีนี้เพิ่มขึ้นด้วย โดยมองว่าเฉลี่ยทั้งปีอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) จะอยู่ที่ 8% และ อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ปีนี้ 15%
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา บริษัทมีการบริหารสต็อกโดยการควบคุมความเสี่ยง โดยปรับเปลี่ยนวิธีเก็บสต็อกสินค้า เพื่อลดความผันผวนจากสถานการณ์ราคาเหล็ก
โดยบริษัทพยายามลดจำนวนสต็อก ในไตรมาส 3 นี้มาอยู่ที่ 2 หมื่นตันหรือลลดง 10-15% จากไตรมาส 2 ที่มี 2.6 หมื่นตัน โดยซื้อสต็อกน้อยลง ขณะเดียวกันก็เร่งขายสต็อกออกไป
"ในครึ่งแรกที่ผ่านมา ถือเป็นโชค 2 ชั้นที่เราปรับตัวดี ทั้งจากปริมาณการขาย และยังได้ราคาเหล็กที่ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นภาวะไม่ปกติของเรา แม้ ไตรมาส 3 จะปรับตัวลงบ้างแต่เป็นเพราะอยู่ในช่วง Low Season " นายวีระศักดิ์ กล่ว
นอกจากนี้ บริษัทได้เตรียมเงินลงทุน จำนวน 50 ล้านบาท เพื่อซื้อเครื่องจักรเพิ่ม 2 ตัว และการขยายพื้นที่ในโรงงาน ไว้รองรับออเดอร์ที่จะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะกลับมาในปลายไตรมาส 3/51 และในไตรมาส 1/52
รวมถึงบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาแปรรูปเหล็กประเภทปั๊มชิ้นส่วน เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า ซึ่งบริษัทไม่ได้กังวล เพราะมีวงเงินสินเชื่อ 2.5 พันล้านบาท ที่ทยอยเบิกใช้ไม่ถึง 50% ทั้งนี้ บริษัทพยายามบริหารสต็อก เพื่อลดความผันผวนจากราคาเหล็ก แม้ว่า ครึ่งปีหลังเหล็กรีดร้อนราคาปรับตัวลดลง แต่เหล็กรีดเย็นราคาทรงตัว เพราะความต้องการยังมีสูง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ผลิตเพื่อส่งออกต่างประเทศ