(เพิ่มเติม) ASCON คาดรายได้ปี51 โต 30-50% มาที่ 3 พันลบ.,ได้งานดูไบ 1.6 หมื่นลบ.

          บมจ.แอสคอน คอนสตรัคชั่น (ASCON) คาดรายได้ปี 51 เพิ่มมาเป็น 3 พันล้านบาท จากเดิมที่ประมาณการไว้ 2.6 พันล้านบาท  หรือเติบโตราว 30-50% จากปีก่อนที่มี 2 พันล้านบาท โดยคาดว่าในครึ่งปีหลังจะมีรายได้ดีกว่าครึ่งปีแรกที่มี 870 ล้านบาท และมั่นใจปีนี้จะพลิกมามีกำไร แม้ว่าปีก่อนที่ขาดทุน 45.39 ล้านบาท และครึ่งปีแรกขาดทุน 157.48 ล้านบาท 
          "ผลงานครึ่งปีหลังจะออกมาดีกว่าครึ่งปีแรกที่เราขาดทุน เราจะ Recover และมั่นใจว่าทั้งปียังมีกำไร"นายพัฒนพงษ์ ตนุมัธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ASCON กล่าว
          นายพัฒนพงษ์ กล่าวว่า บริษัทได้งานก่อสร้างที่ดูไบ มูลค่า 1.6 หมื่นล้านบาท เป็นงานสร้างตึก 12 ชั้น ประมาณ 20 ตึก คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในช่วง พ.ย.-ธ.ค.นี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเรื่องคนงาน และเครื่องมืออุปกรณ์การทำงาน และใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 30 เดือน แต่ระหว่างนั้นก็จะมีการทยอยส่งมอบงานทีละส่วน
          ปัจจุบันมีงานในมือ(Backlog)ที่มีอยู่ 4 พันล้านบาท รวมทั้งบริษัทเตรียมยื่นงานประมูลทีเมืองอาบูดาบี โดยใช้ไลเซ่นผู้รับเหมาที่ดูไบ ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลชัดเจนได้ในไตรมาส 4 ปีนี้ 
          "ที่ดูไบ เราใช้วิธีตั้งบริษัทสาขา แทนการตั้งบริษัทร่วมทุนและมีคนในท้องถิ่นเป็น Sponsor ช่วยดูแลเรื่องเงินและรับผิดชอบหากโครงการที่ทำมีปัญหา ซึ่งต่อไปมีแผนจะเข้าประมูลงานก่อสร้างที่อาบูดาบี โดยคาดว่าจะใช้ใบไลเซ่นที่ดูไบไปขอจดไลเซ่นเพิ่มเพื่อให้สามารถทำงานที่อาบูดาบีได้ คาดว่าไม่เกิน Q4 น่าจะชัดเจนขึ้น"นายพัฒนพงษ์ กล่าว
          พร้อมจะขยายสัดส่วนงานภาครัฐเพิ่มมากขึ้นเป็น 50% จากปัจจุบันมีสัดส่วน 25% ขณะเดียวกันบริษัทต้องการเข้าไปมีส่วนร่วมงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า ฉะนั้นจะพยายามเข้าร่วมประมูลงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าทุกสายที่จะเปิดประมูลในอนาคต นอกเหนือสายสีม่วง บางซื่อ-บางใหญ่ ที่บริษัทเข้าร่วมยื่นประมูลไปแล้วในนามบริษัทร่วมทุน PAR Joint Venture รวมทั้งงานเมกะโปรเจ็คต่างๆ ในอนาคต
          "ถ้ารัฐแยกประมูลงานรถไฟฟ้าแต่ละสัญญาก็มีหวัง แต่ถ้าประมูลทีเดียวก็คงต้องหาพาร์ทเนอร์ ซึ่งถ้าเป็นไปได้ เราจะดำเนินการให้มีส่วนร่วมในทุกๆ สัญญา ตอนนี้เรายังเล็กๆ ก็อาจจะได้อีก 1 สัญญา ไว้อีกระยะหนึ่งจะเพิ่มศักยภาพให้เท่ารายใหญ่ๆ"นายพัฒนพงษ์ กล่าว
          นายพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีนักลงทุนต่างประเทศทั้งจากอาบูดาบี และ ไต้หวัน แสดงความสนใจเข้าลงทุนในหุ้น ASCON ราว 20% ซึ่งก็คงจะต้องตัดสินใจเลือกรายใดรายหนึ่ง
          "อยู่ระหว่างตัดสินใจ ถ้าอาบูดาบีก็จะทำให้เรามีเงินทุนมากพอที่จะใช้ทำงานทั้งปัจจุบันและงานในอนาคต ที่สำคัญจะเป็นลู่ทางทำให้เรารับงานที่ U.A.E. ได้มากขึ้น ซึ่งฝ่ายนั้นก็มีส่งที่ปรึกษาทางการเงินของเค้ามาทำดิวดิลิเจนซ์บริษัทเราบ้างแล้ว ส่วนไต้หวันเองก็มีข้อเสนอว่าพร้อมจะสนับสนุนด้านเงินทุนและทำให้บริษัทเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการ เราคงรอให้รู้ผลงานที่อาบูดาบีก่อนแล้วค่อยตัดสินใจเลือก"นายพัฒนพงษ์ กล่าว
          นายพัฒนพงษ์ กล่าวว่า บริษัทเองก็เตรียมจะเข้าเทคโอเวอร์โครงการของบริษัทที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ โดยมีข้อแลกเปลี่ยนโดยอาจจะแลกหุ้นให้บริษัทดังกล่าวเข้ามาถือหุ้นในบริษัทย่อย คือ บริษัท แอสคอน ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด แล้วจะช่วยกันผลักดันเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปี 52