บมจ.ซีฮอร์ส (SH) เปิดเผยว่า บริษัทจะเดินหน้าโครงการผลิตเอทานอลหลังจากเห็นนโยบายภาครัฐชัดเจนในการใช้พลังงานทดแทน E85 และแนวโน้มตลาดโลกตอบรับพลังงานทดแทนซึ่งมีโอกาสขยายตัว จากเดิมที่ชะลอตัวก่อนหน้า แต่ครั้งนี้บริษัทดำเนินการเฟสแรกก่อนกำลังการผลิต 6.5 แสนลิตร/วัน จากแผนเดิมมีกำลังการผลิต 1.5 ล้านลิตร/วัน คาดจะเริ่มผลิตได้ในปี 53
นายวรเจตน์ อินทามระ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฎิบัติการ(เอทานอล) SH กล่าวกับ"อินโฟเควสท์" ว่า ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจซื้อเครื่องจักรจากจีน วงเงิน 24 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นขนาดเหมาะสมกับกำลังการผลิตในเฟสแรกที่บริษัทจะดำเนินการผลิต 6.5 แสนลิตร/วัน จากที่บริษัทได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นให้ดำเนินโครงการผลิตเอทานอล กำลังการผลิต 1.5 ล้านลิตร/วัน และจำหน่ายในประเทศ
"เรื่องวงเงินลงทุนก็ปรับไปตามต้นทุน ผมจะเสนอบอร์ดต้นเดือนกันยายนสำหรับเฟสแรก โดยจะใช้เงินจากบริษัทส่วนหนึ่ง และส่วนหนึ่งก็มาจากเงินกู้" นายวรเจตน์ กล่าว
ก่อนหน้านี้ SH กำหนดวงเงินลงทุนไว้ประมาณ 5 พันล้านบาทสำหรับกำลังการผลิต 1.5 ล้านลิตรต่อวัน
วานนี้ บริษัทได้ร่วมธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ลงนามบันทึกข้อตกลงโครงการสนับสนุนการผลิตและการตลาดพืชพลังงาน โดยสนับสนุนสินเชื่อพืชพลังงานทดแทนนำร่องที่ จ.นครราชสีมา เพื่อให้จัดส่งวัตถุดิบหรือมันสำปะหลังให้บริษัท ประกอบกับ บริษัทรับซื้อมันสำปะหลังจากเกษตรกรในจ.นครราชสีมา ที่อยู่ใกล้โรงงานเอทานอล และพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังของบริษัท 3-4 พันไร่
นายวรเจตน์ กล่าวว่า โครงการผลิตเอทานอลเฟสแรก ต้องใช้มันสำปะหลังสด ประมาณ 4 พันตัน/วัน ดังนั้นการร่วมมือกับ ธ.ก.ส.ทำให้บริษัทมั่นใจว่าจะมีวัตถุดิบเพียงพอป้อนเข้าโรงงาน
สำหรับการขยายกำลังการผลิตเต็ม 1.5 ล้านลิตร/วัน นายวรเจตน์ กล่าวว่า บริษัทจะดำเนินการต่อเนื่องแน่นอน หลังจากที่บริษัทได้ดำเนินการเฟสแรกแล้ว แต่ต้องขอรอดูทิศทางตลาด และจะประเมินสถานการณ์อีกครั้ง เพื่อให้มั่นใจมากยิ่งขึ้น และเชื่อว่าถ้าดีมานด์ในประเทศสูงขึ้นอาจจะสงผลต่อราคาปรับตัวขึ้น
*บาทอ่อนช่วยพลิกมีกำไรปี 51
ส่วนผลประกอบการในปี 51 นายวรเจตน์ กล่าวว่า หากค่าเงินบาทยังอ่อนค่าในระดับปัจจุบัน ซึ่งอยู่ประมาณ 34 บาท/ดอลลาร์ ก็จะช่วยให้รายได้ดีขึ้นจากปีก่อนที่มี 800 ล้านบาท และก็คาดหวังว่าผลประกอบการในครึ่งปีหลังดีขึ้น
"เงินบาทอ่อนตัว น่าจะช่วยเราได้ ผมก็ลุ้นว่าปีนี้ก็จะกลับมามีกำไร แต่บริษัทก็ยังมีขาดทุนสะสม" นายวรเจตน์ กล่าว
อนึ่ง ในไตรมาส 2/51 บริษัทมีกำไรสุทธิ 34.67 ล้านบาท ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีกำไรสุทธิจากที่ขาดทุนมา 2 ปี โดยในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ มีผลขาดทุน 1.19 ล้านบาท ส่วนปี 49 และปี 50 มีผลขาดทุน 70.41 ล้านบาท และ 140.89 ล้านบาท ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปี 51-52 รายได้หลักของบริษัทจะยังมาจากธุรกิจอาหารทะเลกระป๋อง ที่ส่งออกเกือบ 100% แต่นับจากปี 53 บริษัทจะมีรายได้จากเอทานอลเป็นหลัก
วันนี้ราคาหุ้น SH ปิดที่ 1.04 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท (+5.05%)
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--