ภาวะตลาดหุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าเป็นบวก การเมืองยังไม่รุนแรง ตลาดตปท.หนุน-น้ำมันขึ้น

          นางสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.เคทีบี คาดว่าทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้มีแนวโน้มเป็นบวกได้ ถ้าหากสถานการณ์การเมืองไม่รุนแรง ก็ยิ่งปรับตัวขึ้น แต่หากมีเหตุการณ์รุนแรงก็จะกลับปรับตัวลง ขณะนี้มองว่าปัจจัยภายในยังทรงตัวอยู่ ประกอบกับ ปัจจัยต่างประเทศเป็นบวก จากสหรัฐประกาศตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดี ทำให้ตลาดหุ้นดาวน์โจนส์ดีดขึ้นมา และตลาดหุ้นภูมิภาคส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 1.3%เมื่อเทียบกับเดือนมิ.ย.ทำให้นักลงทุนคลายความวิตกเรื่องแนวโน้มขยายตัวของสหรัฐ 
          ขณะที่การปรับขึ้นดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) 0.25% เป็นไปตาที่ตลาดคาดการณ์ ส่วนราคาน้ำมันคืนวานแม้จะปรับขึ้นก็ยังไม่น่ากังวลมาก เพราะยังอยู่กรอบที่ทางบล.เคทีบี ประเมินว่าจะอยู่ในช่วง 110-120 เหรียญ/บาร์เรล 
          "ช่วงนี้นักลงทุนชะลอการลงทุน วิตกความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ และการเมือง ... มองว่า downside risk มีไม่มาก และก็มีหลายบริษัทพิจารณาซื้อหุ้นบริษัทคืน ซึ่งราคาลงมาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน ตอนนี้ถือว่า P/E ตลาดเหลือ 10 เท่าจากตอนที่ตลาดสดใสอยู่ที่ 15-16 เท่า"นางสุภากรกล่าว 
          ทั้งนี้คาดว่าในระยะสั้น จะมีการเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มน้ำมัน และกลุ่มธนาคาร 
          ให้แนวรับที่ 660-668 จุด และแนวต้านที่ 680-682 และ 692 จุด 
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :  
          - ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(27 ส.ค.) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 11,502.51 จุด เพิ่มขึ้น 89.64 จุด(+0.79%) ดัชนีเอส
แอนด์พี 500 ปิดที่ 1,281.66 จุด เพิ่มขึ้น 10.15 จุด(+0.80%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 2,382.46 จุด เพิ่มขึ้น 20.49 จุด 
(+0.87%)  
          - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 889.31 ล้านบาทเมื่อวานนี้
          - ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้ที่ 118.15 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.88 
ดอลลาร์  
          - เช้านี้ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยังคงปักหลักอยู่ที่ทำเนีบบรัฐบาล ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันจะอดทนและรอคอย โดยจะเจรจาต่อรองทุกรูปแบบ เพื่อให้เรียบร้อยและไม่เกิดการสูญเสีย แม้ว่าวานนี้ ศาลอาญาออกหมายจับ 9 แกนนำ และคืนวานนี้ศาลแพ่งก็ได้ออกหมายสั่งให้พันธมิตรย้ายการชุมนุมออกจากทำเนียบรัฐบาล
          - กนง. ได้ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง (อาร์พี 1 วัน) 0.25% มาอยู่ที่ 3.75% จากความเสี่ยงในด้านเงินเฟ้อที่ยังมีอยู่ที่มองอาจจะหลุดจากกรอบ 0-3.5% อยู่ หากมาตรการช่วยเหลือด้านน้ำมันหมดเวลา และเพื่อรักษาเสถียรภาพของการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว 
          - รมว.คลัง เชื่อมั่นว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ยังอยู่ในประมาณการที่ 6% โดยปัจจัยการเมือง และการขึ้นดอกเบี้ยของ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันนี้ จะไม่กระทบต่อการเติบโตเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากขณะนี้ราคาน้ำมันได้ปรับลดลง และการที่รัฐบาลจะเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ และมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆ ออกมา เพื่อช่วยหนุนการเติบโตได้
          - ครม.เศรษฐกิจเล็งอัดฉีดสินเชื่อต่อลมหายใจธุรกิจรับเหมา-ท่องเที่ยว และเอสเอ็มอี โดยที่ประชุมรับทราบ  แนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ที่นายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเสนอ
          - ประธานสมาคมธนาคารไทยระบุการเมืองเป็นความเสี่ยงสำหรับเศรษฐกิจไทย จี้รัฐบาลสร้างความมั่นใจทางเศรษฐกิจ แก้ปัญหาความไม่สงบให้จบลงสวยงามที่สุด "ประสาร" ชี้ปัญหาการเมืองส่อแววยืดเยื้อ กระทบการลงทุน ย้ำต่างฝ่ายต้องยึดถือในกฎหมายและคุณธรรม
          - ก.ล.ต. ปรับปรุงหลักเกณฑ์การรายงานและแบบรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ สำนักงาน ก.ล.ต. ซักซ้อมวิธีปฏิบัติในการรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ทุกร้อยละ 5 ตามมาตรา 246 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2551 นี้