นายสุรพล เตชะหรูวิจิตร กรรมการผู้ช่วยผู้จัดการ บมจ.เอเชียโฮเต็ล(ASIA)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า แม้ สถานการณ์การเมืองในประเทศจะมีความวุ่นวายอยู่ในขณะนี้ แต่ยังไม่มีผลกระทบต่อยอดจองห้องพักในช่วง high season เพราะขณะนี้ยังมีเพียงการสอบถามเหตุการณ์เข้ามามากแต่ไม่ได้ยกเลิกการจอง จึงคาดว่ารายได้ของบริษัทในปีนี้จะเติบโต 10-15% และพลิกมาเป็นกำไร หากไม่มีเหตุรุนแรงไปมากกว่านี้ และน่าจะล้างขาดทุนสะสมที่เหลืออยู่แค่ 30 ล้านบาทได้
ส่วนการขยายธุรกิจยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้จะมีการลงทุนราว 600 ล้านบาทเพื่อปรับปรุงห้องพัก เนื่องจากในปี 52 บริษัทมีแผนปรับขึ้นอัตราค่าห้องพัก
นายสุรพล กล่าวว่า บริษัททัวร์หลายแห่งที่จองห้องพักล่วงหน้าไว้สอบถามเข้ามามากในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมาว่าจะกระทบกับการเข้าพักในโรงแรมหรือไม่ ถึงตรงนี้สถานการณ์ทุกอย่างยังไม่ชัดเจน จึงยังไม่มีบริษัททัวร์ยกเลิกเข้ามาทันที แต่ถ้าเหตุการณ์ยืดเยื้อไปก็อยู่ที่ระดับความรุนแรงมากขึ้นก็อาจจะทำให้กระทบกับยอดการเข้าพัก ซึ่งที่สุดแล้วประเด็นน่าจะอยู่ที่ข่าวที่ออกไปและการทำความเข้าใจกับข่าวถ้ามีความชัดเจนก็ไม่น่าจะมีอะไร
ประสบการณ์ในช่วงที่ผ่านมาเมื่อคราวมีเหตุวุ่นวายหน้าบ้านพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ส่งผลให้กรุ๊ปทัวร์ยกเลิกการจองไปประมาณ 1 สัปดาห์ แต่พอเมื่อภาครัฐเข้าไปทำความเข้าใจ ลูกค้าก็ปรับมาเป็นการเลื่อนเข้าพักออกไปเท่านั้น กลายเป็นปัญหาของการจัดการของโรงแรมมากกว่า
"ขณะนี้กรุ๊ปทัวร์ยังไม่มีการยกเลิกที่จองห้องไว้ มีแต่คำถามเป็นอีเมลล์เป็นแฟกซ์ทุกรูปแบบเยอะมาก ว่ามีอะไรมั๊ยเพราะอยู่ที่ยุโรปเห็นพังรั้วเข้าไป แต่คำถามอย่างนี้เห็นอีก 3 วันคงจะได้คำตอบ"นายสุรพล กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้ประกอบการ ก็อยากให้ทั้งสองฝ่ายได้ข้อยุติที่ชัดเจน ส่วนจะไปทางไหนทางใดก็ให้ไปทางหนึ่งจะได้ไม่ต้องมีตัวแปรเป็นปัจจัยเสี่ยงในการตัดสินใจของผู้ลงทุนหรือนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาใช้บริการประเทศไทย
*คงเป้ารายได้ปีนี้โต 10-15% จากปีก่อน แม้การเมืองวุ่นกระทบกรุ๊ปทัวร์ตปท.
นายสุรพล ยังเชื่อว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้หากไม่มีความรุนแรงไปมากกว่านี้ ก็น่าจะยังทำให้ผลประกอบของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมาย โดยคาดว่าจะเติบโตจากปีก่อนราว 10-15% จากปีที่แล้ว ASIA มีรายได้รวม 1.14 พันล้านบาท ณ ขณะนี้ยังยืนยันว่าจะเติบโตได้หากไม่มีอะไรผิดปกติเข้ามา
อนึ่งปี 50 ขาดทุนสุทธิ 44.68 ล้านบาท ณ สิ้นปี 50 ขาดทุนสะสม 699.97 ล้านบาท
ช่วงไตรมาส 2/51 บริษัทมีกำไร 536.93 ล้านบาท พลิกสถานการณ์จากไตรมาสเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุน 163 ล้านบาท เพราะมีรายการพิเศษที่เคยได้รับลดหนี้จากสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นการกู้จากเจ้าหนี้รายใหม่มาใช้คืนรายเก่า
สำหรับผลดำเนินงานในไตรมาส 3/51 น่าจะดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากอุณหภูมิการเมืองไม่เปลี่ยนแปลงจากเมื่อปีที่แล้วที่มีความวุ่นวายในเรื่องต่างๆ และมีข่าวที่ออกไปเป็นระยะ ซึ่งก็ไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงอะไรมาก แม้เมื่อวานเพิ่งมีการนำเสนอข่าวผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรที่บุกสถานี NBT ไปทั่วโลก ก็วิธีการนำเสนอทำให้เห็นภาพความวุ่นวายในประเทศหรือเป็นส่วนหนึ่งผ่านมาแล้วก็จบไปไม่มีอะไร
นายสุรพล กล่าวว่า ครึ่งปีหลังคาดว่าผลประกอบการดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะโดยปกติเปรียบเทียบแล้วไตรมาส 4/51 ผลประกอบการจะสูงกว่าไตรมาสที่ 1/51 และไตรมาส 2-3/51 จะค่อนข้างใกล้กัน แต่เนื่องจากปีที่แล้วไตรมาส 3/51 ไม่ค่อยดี ช่วงที่บ้านป๋าเปรมก็ไม่ค่อยดีนัก แต่ตอนนี้พันธมิตรมากันอีกแล้ว
*คาดปีนี้ล้างขาดทุนสะสมที่เหลือแค่ 30 ลบ.หมด พลิกเป็นกำไรได้
นายสุรพล กล่าวว่า ปีนี้คาดว่าจะล้างขาดทุนสะสมที่เหลืออยู่แค่ 30 ล้านบาทเมื่อสิ้นไตรมาสก่อนได้หมด เนื่องจากลดลงจากหลายปีก่อนที่ 2,000-3,000 ล้านบาท จึงประเมินว่ายังไงภายในปีนี้ผลประกอบการปกติก็น่าจะล้างขาดทุนสะสมได้หมดแน่นอน
เพราะหากเปรียบเทียบกับผลประกอบการในปีก่อนหน้านั้นก็คิดว่าช่วง 2 ไตรมาสที่เหลือจะสามารถทำกำไรเกินกว่า 30 ล้านบาทได้อย่างสบาย
นอกจากนั้น ยังมีรายการพิเศษที่เปิดเผยไปแล้วในงบการเงินเป็นเรื่องของบริษัทบันทึกกลับรายการสำรองหนี้สงสัยจะสูญลดสำรองหลาย 10 ล้านบาท ที่เหลือยังไงก็กำไร ส่วนจะมีปันผลหรือไม่หลังกลับมาเป็นกำไร ก็คงเป็นนโยบายของคณะกรรมการบริษัทและผู้ถือหุ้นอีกครั้ง
"แต่ถ้าเป็นกำไรจากการดำเนินงานจริง 2 ไตรมาสที่เหลือนี้น่าจะเกิน 30 ล้านบาท เพราะที่ผ่านมาๆ ปีหนึ่งเราทำเกิน 60 ล้านบาทอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นครึ่งปีโดยรวม 30 ล้านบาท ทำได้เกินอยู่แล้ว" นายสุรพล กล่าว
*ตั้งงบฯ 600 ลบ.ปรับปรุงห้องพัก คาดปีหน้าใช้อัตราใหม่
นายสุรพล กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะปรับขึ้นอัตราค่าห้องพักในปี 52 หลังจากใช้งบลงทุนราว 600 ล้านบาท ปรับปรุงห้องพัก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเขียนแบบและประเมินราคา รวมทั้งรายละเอียดงบประมาณที่ใช้ทั้งหมด
"การปรับขึ้นค่าที่พักจะเป็นการปรับขึ้นตามดัชนีราคา ในขณะเดียวกันเรากำลังวางแผนปรับปรุงห้องพัก ขณะนี้เขียนแบบไปพอสมควรแล้วอยู่ในขั้นประเมินราคาว่าจะใช้งบประมาณเท่าไร ถ้าเขียนแบบจบเราก็จะเริ่มขายห้องพักในอัตราใหม่ แต่การขายห้องพักของโรงแรมถ้าเซ็นสัญญาในปีนี้ผลของราคาจะเป็นปีหน้าเพราะส่วนใหญ่โรงแรมจะเซ็นล่วงหน้า 1 ปี"นายสุรพล กล่าว
ทั้งนี้ งบลงทุนที่ตั้งไว้ 600 ล้านบาทเป็นงบเบื้องต้น ภาพรวมเฉลี่ยห้องละ 1 ล้านบาท ใช้เวลาประมาณ 1 ปีครึ่ง ถึง2 ปี โดยกู้เงินจากสถาบันการเงินส่วนหนึ่งและอีกส่วนจากผลประกอบการของบริษัท ซึ่งหากไม่เพียงพอก็อาจจะพิจารณาแนวทางอื่นที่จะระดมเงินทุนเข้ามาเพิ่ม รวมถึงแนวทางการเพิ่มทุน แต่ขณะนี้ยังไม่จำเป็น รวมทั้งไม่ได้เจรจาหาพันธมิตรแต่อย่างใด
"กำลังกำหนดงบที่ชัดเจนส่วนหนึ่งกู้จากสถาบันการเงิน คงไม่ถึง 1,000 ล้านบาท เพราะเป็นการปรับปรุงโรงแรม ถ้าภาพรวมถ้าเฉลี่ยห้องละ 1 ล้านบาท เฉพาะโรงแรมเอเชียที่กรุงเทพฯมี 600 ห้องก็จะประมาณ 600 ล้านบาท ส่วนที่อื่นเช่น พัทยา อยู่ในลำดับถัดไป"นายสุรพล กล่าว
ขณะที่อัตราค่าเช่าห้องพักที่จะปรับใหม่ อยู่ระหว่างการหารือภายในเพื่อไม่ให้กระทบกับลูกค้าเดิม และยังเป็นอัตราที่สามารถหาลูกค้าใหม่เข้ามาเพิ่มได้ เพื่อให้บริษัทได้ลูกค้าที่มีคุณภาพขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเพราะเราก็พยายามขอปรับปรุงคุณภาพของสินค้าคือตัวโรงแรมและอุปกรณ์ต่างๆ ให้ดี ส่วนที่จะขอปรับราคาช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีมองว่าเศรษฐกิจไม่ดีเป็นเรื่องของภายในประเทศเรา แต่ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกรุ๊ปทัวร์ต่างประเทศ
อนึ่ง โรงแรมเอเชียในกรุงเทพฯมีจำนวน 600 ห้อง โรงแรมเอเชีย พัทยา 300 ห้อง และโรงแรมเอเชีย แอร์พอร์ต 240 ห้อง โดยโรงแรมเอเชีย กรุงเทพฯ มีอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยประมาณ 1,800-2,000 บาท/คืน
นายสุรพล กล่าวว่า ขณะนี้อัตราการเข้าพักอยู่ที่ราว 70% โดยบริษัทให้ความสำคัญกับการปรับปรุงห้องพัก แต่ยังไม่มีแผนสร้างโรงแรมเพิ่มเพิ่ม ซึ่งหลังจากปรับโครงสร้างการเงินแล้วก็ย้อนมาปรับตัวโรงแรมปัจจุบันให้นิ่งก่อน ส่วนการลงทุนข้างหน้าค่อยไปว่ากันอีกที
"รายได้รวมหลังปรับปรุงห้องพักเสร็จตรงนี้คิดว่าถ้า rate room ใหม่หรือผลหลังจากที่เราลงทุนเข้าไปก็น่าจะไดรายได้โตขึ้นพอสมควร โตจากปัจจุบันเยอะมั้ยยังไม่กล้าประเมิน แต่คิดว่าจะโตกว่าที่ผ่านมา และโตแบบนีนัยสำคัญด้วย" นายสุรพล กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--