โบรกเกอร์แนะนำ"ซื้อลงทุน"หุ้นบมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร(CPF)คาดว่าผลประกอบการในไครมาส 3/51 จะออกมาดีมากในช่วงไฮซีซั่น ขณะที่เงินบาทอ่อนค่าจะได้รับผลดี บวกกับสหรัฐประกาศปรับลดภาษีทุ่มตลาด(เอดี)สินค้ากุ้งลงเหลือ 3.18% หรือลดลงครึ่งหนึ่ง รวมทั้งความต้องการเนื้อสัตว์ในประเทศก็ยังสูงราคายังดีอยู่ ฉะนั้นคาดกำไรปกติปีนี้โตขึ้นกว่า 100%
พร้อมกับการประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนของบริษัทวงเงิน 3 พันล้านบาทที่เริ่มต้นขึ้นในวันนี้และจบโครงการวันที่ 27 ก.พ.52 เป็นปัจจัยจิตวิทยาที่มีส่วนผลักดันให้ราคาหุ้น CPF ปรับตัวขึ้นมาแรง โดยช่วงบ่ายราคาหุ้นบวก 0.12 บาท หรือบวก 3.17% มาที่ 3.90 บาท และราคาปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 3.94 บาท ซึ่งเป็นราคาสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
บล.ฟินันซ่า ซื้อ 5.65(ปี 52)
บล.กิมเอ็ง ซื้อ 5.10
บล.ฟิลลิป ซื้อ 5.00
บล.ดีบีเอสฯ ซื้อ 5.03
บล.เอเซียพลัส ซื้อ 4.99
นักวิเคราะห์จากบล.ฟินันซ่า กล่าวว่า ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาจากโครงการซื้อหุ้นคืนมากกว่า ประกอบกับได้รับข่าวดีที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ประกาศใช้อัตราภาษีเอดีใหม่อย่างเป็นทางการแล้ว โดยไทยได้รับอัตราภาษีนำเข้ากุ้งที่ลดลงจากเดิม เป็นอัตราเฉลี่ยที่ 3.18 % จากเดิมที่ 6.05 % อย่างไรก็ตาม CPF มีรายได้จากการส่งออกกุ้งประมาณเพียง 1%
นอกจากนี้ คาดว่างบในไตรมาส 3/51 น่าจะออกมาดีขึ้น เนื่องจากราคาเนื้อไก่และเนื้อหมูในประเทศยังมีราคาดีมาก และช่วงไฮซีซั่นของส่งออก ขณะที่ราคาวัตถุดิบอ่อนตัวลง ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนตัวก็ได้รับประโยชน์ จึงคาดว่ากำไรปกติในปี 51 จะเพิ่มขึ้นเป็น 2,283 ล้านบาท จากปีก่อนที่มี 1,007 ล้านบาท
และคาดว่ากำไรปกติในปี 52 จะโตเป็น 2,900 ล้านบาท เนื่องจากรับรู้รายได้จากโรงงานในรัสเซียเต็มปีที่เริ่มผลิตในปลายปีนี้ โดยคาดว่าจะมีรายได้เข้ามา 3-4 พันล้านบาท รวมทั้งรายได้จากการลงทุนในต่างประเทศ ได้แก่ ตุรกี และเวียดนามก็เพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้น จึงปรับเป้าหมายเป็น 5.65 บาทในปี 52
อนึ่ง วันนี้เป็นวันแรกของโครงการซื้อหุ้นคืน(Treasury Stock)เพื่อบริหารด้านการเงินของ CPF ในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาท จำนวนหุ้นที่จะซื้อคืน 751.99 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท จำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนคิดเป็นร้อยละ 10 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
ด้าน นส.สุทธาทิพย์ พีรทรัพย์ นักวิเคราะห์ จากบล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) แนะนำ"ซื้อ"จากค่าเงินบาทที่อ่อนคัวลงทำให้บริษัทได้รับผลดี และแนวโน้มผลประกอบการดีขึ้น โดยคาดว่าผลประกอบการไตรมาส 3/51 จะมีการเติบโตแข็งแกร่งเนื่องจากราคาหมู และ ไก่ ปัจจุบันยังคงยืนในระดับสูง ที่ 56 บาท/กิโลกรัม และ 44 บาท/กิโลกรัม ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ประมาณ 22% และ 21% ตามลำดับ
ขณะที่ไตรมาสนี้ยังเป็นไฮซีซั่นของการส่งออกด้วย ราคาไก่ส่งออกปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 5,000-6,000 เหรียญ/ตัน อีกทั้งเงินบาทอ่อนค่าลง
นอกจากนั้นอัตรากำไรของธุรกิจอาหารสัตว์ในประเทศมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นหลังจากมีการทยอยปรับราคาขายบางส่วนเพื่อชดเชยต้นทุนราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้นเช่นเดียวกับธุรกิจอาหารสัตว์ในต่างประเทศ
กำไรปกติที่ CPF ทำได้ในช่วงครึ่งแรกของปีเท่ากับ 1,074 ล้านบาทคิดเป็น 45% ของประมาณการทั้งปีและด้วยแนวโน้มการเติบโตของผลประกอบการในครึ่งปีหลังซึ่งจะได้รับการผลักดันจากการส่งออก ราคาเนื้อสัตว์ในประเทศที่ยังสูง การฟื้นตัวของธุรกิจอาหารสัตว์ และการเติบโตต่อเนื่องของธุรกิจในต่างประเทศ เราจึงยังคงประมาณการกำไรปกติที่ 2,372 ล้านบาท (0.32 บาท/หุ้น) ขยายตัว 135% จากปีก่อน
นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอซียพลัส มองว่า หุ้น CPF ยังน่าลงทุน จากปัจจัยที่เงินบาทอ่อนค่า ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจในไตรมาส 3/51 และโครงการซื้อหุ้นคืนของบริษัท ก็ยิ่งส่งผลดีต่อการจ่ายเงินปันผล
"เราให้ ซื้อ ในระยะกลาง บริษัทได้ผลดีจากบาทอ่อน และช่วงไตรมาส 3 ก็เป็นช่วงไฮซีซั่น ก็คนที่ถือก็รอปันผลไปด้วย" นายภูวดล กล่าว
ทั้งนี้ ให้แนวต้านไว้ที่ 4.00-4.30 บาท และ แนวรับที่ 3.80 บาท
ส่วนบล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) มีมุมมองที่ดีต่อผลการดำเนินงานกลุ่มส่งออกไก่ว่าจะยังดีต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง จากปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้นตามฤดูขาย, ค่าเงินบาทที่อ่อนค่า, การปรับราคาขายเพิ่มในตลาดส่งออก ทั้งหมดยังมีผลต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง ขณะที่ราคาขายในประเทศได้ปรับเกินกว่าจุดคุ้มทุน รวมถึงแนวโน้มราคาวัตถุดิบหลักอย่างข้าวโพด, กากถั่วเหลืองที่ลดลงตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกยังคงแนะนำ“ซื้อ”ทั้ง CPF และ GFPT
อนึ่ง สมาคมผู้ส่งออกไก่แปรรูปของไทยรายงานปริมาณการส่งออกไก่ช่วง 6 เดือนแรกของปี 51 อยู่ที่ 172,573 ล้านตันเพิ่มขึ้น 11.28% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--