ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (28 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสสองของสหรัฐที่ขยายตัวดีเกินคาด รวมทั้งตัวเลขว่างงานที่ปรับตัวลดลง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ นอกจากนี้ การที่ราคาน้ำมันดิบร่วงลงนับเป็นอีกปัจจัยที่หนุนดาวโจนส์ปิดในแดนบวก
อย่างไรก็ตาม วอลุ่มการซื้อขายค่อนข้างบางเบาเนื่องจากเป็นช่วงก่อนวันหยุดแรงงานของสหรัฐ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่าดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่ง 212.67 จุด หรือ 1.85% แตะที่ 11,715.18 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 19.02 จุด หรือ 1.48% แตะที่ 1,300.68 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 29.18 จุด หรือ 1.22% แตะที่ 2,411.64 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 910 ล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 1.59 พันล้านหุ้น
นักลงทุนขานรับรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสสอง ขยายตัวขึ้นในอัตรา 3.3% ต่อปี ซึ่งแข็งแกร่งกว่าที่มีการประเมินในเบื้องต้น และขยายตัวดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวขึ้นเพียง 2.7%ต่อปี
กระทรวงพาณิชย์ระบุว่า "จีดีพีไตรมาสสองที่ขยายตัวดีเกินคาดสะท้อนให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของยอดส่งออก ตัวเลขการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน และตัวเลขการใช้จ่ายในภาครัฐ นอกจากนี้ ตัวเลขจีดีพีไตรมาสสองยังออกมาแข็งแกร่งกว่าที่กระทรวงได้ประเมินไว้เบื้องต้นที่ 1.9%"
ทั้งนี้ ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของกิจกรรมเศรษฐกิจโดยรวม พุ่งขึ้น 1.7%ต่อปี ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่รวมถึงเช็คคืนเงินภาษีและการลดหย่อนภาษี ขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายด้านที่อยู่อาศัยลดลง 15.7% แต่ยังต่ำกว่าไตรมาสแรกที่ทรุดตัวลงอย่างหนัก 25.1% ส่วนยอดส่งออกพุ่งขึ้น 13.2% ซึ่งเป็นผลมาจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลง ขณะที่ยอดนำเข้าสินค้าและการบริการลดลง 7.6%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของกระทรวงแรงงานที่ว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอเข้ารับสวัสดิการระหว่างว่างงานในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ร่วงลง 10,000 คน แตะระดับ 425,000 คน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3
บิล เออร์บัน นักวิเคราะห์จากบริษัท Bingham, Osborn & Scarborough ในเมืองซานฟรานซิสโก กล่าวว่า "บรรยากาศการซื้อขายคึกคักขึ้นทันทีที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขจีดีพีไตรมาสสองที่ดีเกินคาด นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นด้วยท่าทีที่คลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ ตัวเลขจีดีพีและตัวเลขว่างงานครั้งล่าสุดสะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังสามารถขยายตัวต่อไปได้แม้ต้องเผชิญภาวะตกต่ำในตลาดที่อยู่อาศัยและตลาดสินเชื่อ"
ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กร่วงลง 2.56 ดอลลาร์ แตะที่ 115.59 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้ แม้ราคาน้ำมันที่ร่วงลงจะช่วยกระตุ้นบรรยากาศการซื้อขายให้คึกคักขึ้น แต่กลับฉุดหุ้นบางตัวในกลุ่มพลังงานทรุดตัวลง โดยหุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ร่วงลง 3.4% และหุ้นเฮสส์ คอร์ป ดิ่งลง 1.5%
หุ้นกลุ่มค้าปลีกดีดตัวขึ้น โดยหุ้นทิฟฟานี แอนด์ โค พุ่งขึ้น 11% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายในเอเชียและยุโรปพุ่งขึ้นสองเท่า หุ้นเซล คอร์ป ดีดขึ้น 21% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการปีหน้า
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันศุกร์ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยรายได้และการบริโภคส่วนบุคคลเดือนก.ค. และมหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--