นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายบริหารและการเงิน บมจ. โรงแรมเซ็นทรัล พลาซา (CENTEL) กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาซื้อธุรกิจอาหารซึ่งอยู่นอกตลาดฯ ไม่ต่ำกว่า 1 แห่ง เพื่อขยายแบรนด์อาหาร โดยรูปแบบเข้าเทคโอเวอร์กิจการ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างทำดิวดิลเจนซ์ เป็นรายที่มีเครือร้านอาหารทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยจะใช้กระแสเงินสดของธุรกิจอาหารซึ่งมีอยู่ประมาณ 800 ล้านบาทใช้ในการลงทุนครั้งนี้
สำหรับปี 52 สัดส่วนรายได้ธุรกิจอาหารจะเป็นเพิ่มเป็น 50% จากปีนี้ที่ 40% ของรายได้ CENTEL ทั้งหมด ซึ่งคาดว่าปีนี้กลุ่มจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 8 พันล้านบาท และปี 52 เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% โดยคาดว่าจะรับรู้รายได้จากโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลเวิล์ด ไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท จากปีนี้รับรู้รายได้ประมาณ 500 ล้านบาท ขณะที่ตัวเลขยอดจองการใช้โรงแรมในก.ย.-ต.ค. 51 กว่า 80% และเชื่อว่าจะไม่มีการยกเลิกการจอง
นายรณชิต กล่าวถึงการลงทุนในช่วง 3 ปี (ปี 51-53) ว่า บริษัทจะลงทุนในโรงแรม 3 แห่ง ได้แก่ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลเวิล์ด, โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ บีช รีสอร์ท ภูเก็ต และ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา โดยปีนี้ลงทุน 3.5 พันล้านบาท ปี 52 ลงทุน 2.65 พันล้านบาท และปี 53 ลงทุน 814 ล้านบาท
นายรณชิต กล่าวว่า หลังโครงการ 3 แห่งเปิดภายในปี 53 แล้วบริษัทมีแผนสร้างโรงแรมต่อเนื่อง โดยมีที่ดินแล้ว ที่เกาะมันตา เกาะกูด เกาะมุก คาดว่าจะใช้เงินลงทุนแห่งละประมาณ 1 พันล้านบาท หรือรวมประมาณ 3 พันล้านบาท
สำหรับสถานการณ์การเมืองขณะนี้ นายรณชิต กล่วว่า จะไม่ส่งผลกระทบการเข้าพักโรงแรมในเครือ เนื่องจากบริษัทมียอดจองห้องล่วงหน้าสูงกว่า 80% ซึ่งถือว่าสูงกว่าปีก่อนถึง20% และกลุ่มลูกค้ายุโรปยังนิยมมาเที่ยวไทย และหากมีสถานการณ์รุนแรง บริษัทก็พร้อมอธิบายให้นักท่องเที่ยวเข้าใจ เชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระยะสั้น และเชื่อรัฐบาลน่าจะควบคุมได้
ส่วนเรื่องการต่อสัญญาเช่าพื้นที่ลาดพร้าวน่าจะเป็นบวก และคาดว่าจะได้ข้อสรุปก่อนเดือนธ.ค.51 ที่หมดสัญญาลง
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/นิศารัตน์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--