นายกิตติ ตั้งศรีวงศ์ กรรมการ บมจ.ไรมอนแลนด์ (RAIMON) คาดว่าจะสามารถสรุปการขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 1,010 ล้านหุ้น ได้ภายในไตรมาส 4 ปีนี้ โดยจำนวน 567 ล้านหุ้นจะแบ่งเป็นการเสนอขายให้นักลงทุนไทย ที่ขณะนี้เจรจาอยู่ 2-3 ราย ซึ่งเป็นลักษณะธุรกิจครอบครัว และอีกจำนวน 204 ล้านหุ้นที่เสนอขายให้นักลงทุนต่างประเทศ เบื้องต้นนักลงทุนคูเวตได้แสดงความสนใจในการซื้อหุ้นดังกล่าว ส่วนที่เหลือ 340 ล้านหุ้นเป็นของผู้ถือหุ้นเดิม
"ตอนนี้เราอยู่ระหว่างการคุยกับนักลงทุนในประเทศที่สนใจซื้อ ซึ่งเราก็อยากให้การขายหุ้นเพิ่มทุนในส่วนนักลงทุนไทยจบก่อน เพราะบริษัทได้วางสัดส่วนการขายให้นักลงทุนไทย 51% ที่เหลือเป็นต่างชาติ อีกอย่างในส่วนของนักลงทุนต่างประเทศก็ขายไม่ยากด้วย" นายกิตติ กล่าว
ทั้งนี้ เงินที่ได้จากการเพิ่มทุนจะนำไปใช้ในการพัฒนาโครงการใหม่ในปีหน้าที่วางแผนเบื้องต้นจะเปิดอย่างน้อย 1-2 โครงการ ใน CBD และที่พัทยาเพิ่ม
สำหรับเป้าหมายรายได้ของปีนี้ที่วางไว้ 2.5 พันล้านบาท น่าจะสามารถทำได้ เนื่องจากครึ่งปีแรกมีรายได้แล้ว 1.1 พันล้านบาทและยังมี Backlog ที่ ณ สิ้นไตรมาส 2 รออยู่ 9.5 พันล้านบาท
ส่วนในครึ่งปีหลัง บริษัทจะเปิดโครงการ 185 ราชดำริ มูลค่าโครงการ 1 หมื่นล้านบาท และโครงการ Amalfi ที่จ.ภูเก็ต มูลค่า 4 พันล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการจะบุ๊ครายได้ในปีหน้า ส่วนปีนี้จะเป็นโครงการเก่า และโครงการที่จะทยอยสร้างอย่าง โครงการนอร์ทพ้อยท์ ที่ปัจจับันขายได้เกือบ 70% แล้ว และโครงการเดอะริเวอร์ ที่ขายได้แล้ว 55% โดยจะรับรู้ในปีนี้ 382 ล้านบาท ที่เหลือทยอยรับรู้จนโครงการเสร็จปี 54
และในปีหน้าตั้งเป้ารักษาการเติบโตต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ 3.5 พันล้านบาท
นายกิตติ กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นว่า มีผลกระทบบ้างแต่น้อย เนื่องจากตลาดของบริษัทเป็นกลุ่มพรีเมี่ยม แต่อาจจะส่งผลในแง่ของจิตวิทยาในการตัดสินใจซื้อโครงการที่อาจล่าช้าไปบ้าง
อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทบริหารโครงการลักษณะกระจายโครงการและรูปแบบที่แตกต่างกัน ทำให้สามารถรักษา Gross profit margin ที่ 32-33%ได้ ที่ผ่านมามีการทยอยปรับราคาขายในบางโครงการ บางทำเล เฉลี่ย 5-15% จากต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้นและยังได้มีการบริหารด้วยการซื้อเหล็กล่วงหน้าทั้งโครงการ
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--