ศุนย์วิจัยกสิกรไทย มีความเห็นว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในระยะสั้น อาจยังเผชิญกับปัจจัยท้าทายหลายปัจจัย โดยนอกเหนือจากเรื่องการเมืองแล้ว ก็ยังมีเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มชะลอลง และการที่นักลงทุนต่างชาติอาจยังเคลื่อนย้ายเงินลงทุนออกจากตลาดหุ้นเกิดใหม่ และตลาดโภคภัณฑ์ ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ น่าจะยังอยู่ในฐานะที่ดีกว่าประเทศอื่นๆ ในโลก และสถาบันการเงินสหรัฐฯ อาจต้องการเงินทุนเพื่อไปชดเชยการปรับลดมูลค่าทรัพย์สินทางบัญชีเพิ่มเติมตามความเสียหายจากปัญหาซับไพร์ม ซึ่งจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ต่างๆ ดังกล่าว โดยเฉพาะเศรษฐกิจโลกอาจส่งผลให้ยังคงมีแรงขายหุ้นไทยจากนักลงทุนต่างชาติอีกระยะหนึ่ง
ท้ายที่สุดแล้ว บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยจึงได้ปรับลดเป้าหมายดัชนี ณ สิ้นปี 2551 ลงจาก 900 จุด เป็น 740 จุด
แต่ทั้งนี้หากปัจจัยต่างๆ ดังกล่าวคลี่คลายลง ตลาดหุ้นไทยก็ยังน่าจะได้รับแรงหนุนจากความจำเป็นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงตามแรงกดดันเงินเฟ้อ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของภาครัฐ รวมทั้งการตั้งงบประมาณขาดดุลในปีงบประมาณ 2552 มากขึ้น
นอกจากนี้ หุ้นไทยยังมีราคาถูก (P/E ต่ำ) เมื่อเทียบกับหลายประเทศในภูมิภาค และอัตราเงินปันผล (Dividend Yield) ยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยเมื่อพิจารณาประเด็นดังกล่าวแล้ว น่าจะหนุนให้ตลาดหุ้นไทยเป็นที่น่าสนใจในสายตาของนักลงทุน และน่าจะมีแรงซื้อเข้ามาในตลาดได้ในระยะถัดไป
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี โทร.0-2253-5050 ต่อ 322 อีเมล์: nisarat@infoquest.co.th--