นายวัลลภ อธิคมประภา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ(BGH)คาดว่า รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังจะใกล้เคียงครึ่งปีแรกที่มีรายได้ 1.05 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้ทั้งปี 51 รายของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมายที่จะเติบโต 18% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.89 ล้านบาท และอัตรากำไรสุทธิในปีนี้จะอยู่ที่ 10% โดยในครึ่งปีแรกบริษัทมีอัตรากำไรสุทธิแล้ว 9.6% สูงกว่าครึ่งแรกของปี 50 ที่อยู่ในระดับ 6%
แม้ว่าในช่วงนี้จะมีเหตุการณ์การชุมนุม รวมถึงการปิดสนามบินภูเก็ต หาดใหญ่ ที่อาจจะมีผลกระทบต่อรายได้บริษัท รวมถึงในวันที่ 1 ก.ย. นี้เป็นวันเริ่มถือศีลอดเดือนรอมฎอนที่จะกระทบต่อลูกค้าชาวตะวันออกกลาง ซึ่งจะส่งผลต่อรายได้ของบริษัทด้วย แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทก็จะพยายามลดค่าใช้จ่ายลง
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะยังคงใช้กลยุทธ์การตลาดที่จะตรึงราคาค่ารักษาพยาบาลเพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมเอาไว้ ขณะเดียวกันก็จะพยายามหาลูกค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในตะวันออกกลาง เช่น โอมาน การ์ต้า ซาอุดิอาราเบีย โดยจะเจาะตลาดผ่านองค์กรใหญ่และยังมองไปถึงตลาดเอธิโอเปียในอาฟริกาด้วย ซึ่งเป็นตลาดใหม่และมีการเติบโตที่สูงมากกว่า 100%
นายวัลลภ กล่าวว่า BGH ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนลูกค้าต่างประเทศเป็น 50% ภายใน 5 ปีจาก 35% ในขณะนี้ และมั่นใจว่าในอีก 3 ปีข้างหน้ารายได้จะเติบโตต่อเนื่องปีละ 18% ซึ่งกำไรก็จะโตตามรายได้ด้วย
เนื่องจากบริษัทจะเปิดบริการโรงพยาบาลรอยัล รัตตะนัค ที่กรุงพนมเปญ กัมพูชา ขนาด 100 เตียง เปิดปลายปี 52 และที่เมืองอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรต ขนาด 39 เตียง เปิดกลางปี 52 และในปี 53 จะเปิดบริการโรงพยาบาลใหม่ที่หัวหินรองรับคนไข้ต่างชาติเป็นหลัก
ขณะที่ปีนี้บริษัทจะเปิดคลีนิก 2 แห่งในครึ่งหลังปีนี้ ได้แก่ สมิติเวช อุดมสุข คลีนิก เปิดในไตรมาส 3/51 และ BNH@ ซอยนราธิวาส 24 เปิดไตรมาส 4/51 หลังจากที่เปิดแล้ว 3 แห่ง ได้แก่ BNH@Central world, สมิติเวช แจ้งวัฒนะ คลีนิก และ สมิติเวช พระราม 3 คลีนิก อย่างไรก็ตาม เป็นเพียงการสร้างรายได้เสริมไม่ได้ต้องการให้เป็นรายได้หลัก
นายวัลลภ ยังกล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาลงทุนเพิ่มในโรงพยาบาลที่ระยอง และ ศรีราชา เพื่อขยายการให้บริการ เนื่องจากขณะนี้ให้บริการเต็มกำลังแล้ว คาดว่าจะสรุปตัวเลขการลงทุนในปลายปี 51
รวมทั้งปีนี้บริษัทพยายามควบคุมต้นทุน ลดค่าใช้จ่าย โดยได้รวมศูนย์ไอที ฝ่ายบุคคล และ ฝ่ายตลาด และมีแผนรวมทีมแทพย์เฉพาะสาขา ซึ่งทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว และบริษัทคาดหวังว่าจะช่วยทำให้ อัตรากำไรสุทธิโตเป็น 14-15% ในอนาคต
นอกจากนี้ นายวัลลภ กล่าวว่า บมจ.สมิติเวช (SVH) ที่บริษัทถือหุ้นอยู่ 93% จะเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีในปีหน้าที่จะขอเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ เพราะปัจุบัน SVH มีปัญหาสภาพคล่องต่ำ และ มีค่าใช่จ่ายในการเป็นบริษัทจดทะเบียน จึงจะเสนอให้ผู้ถือหุ้นช่วยตัดสินใจเรื่องนี้
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--