นางสาวประภารัตน์ ตังควัฒนา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการเงิน บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ยอมรับว่าเหตุการณ์ทางการเมืองล่าสุดส่งผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรม โดยบริษัทอยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์และความเสียหายที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
"เรากำลังประเมินสถานการณ์อยู่ สัปดาห์หน้าจะสรุป"นางสาวประภารัตน์ กล่าว
นางสาวประภรัตน์ กล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์ปะทะกันของม็อบ 2 กลุ่มนั้น บริษัทประเมินว่าครึ่งปีหลังอัตราการเข้าพัก(Occupancy Rate) น่าจะใกล้เคียงกับครึ่งปีแรกที่ 70-75% เนื่องจากโดยปกติโลว์ซีซั่น คือ ไตรมาส 2 และ ไตรมาส 3 ขณะที่ไตรมาส 1 และ ไตรมาส 4 จะเป็นไฮซีซั่น
ปัจจุบันบริษัทมีโรงแรมในเครือ 14 แห่งทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม ยังมั่นใจว่าภาพรวมปี 51 ไม่น่าจะแย่กว่าปี 50 ที่ธุรกิจเพิ่งจะฟื้นตัวจากการทำรัฐประหาร
"ปีที่แล้วตัวเลขนักท่องเที่ยวเข้าประเทศทั้งปีเฉลี่ยไม่ถึง 5% ปีนี้ถึงปัจจุบัน 14% เพราะฉะนั้นถ้าปีตัวเลขย่อลงมาก็ยังจะเกิน 10% อยู่ เราก็มองว่าน่าจะดีกว่าปีที่แล้ว"
นางสาวประภารัตน์ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นบริษัทยังมั่นใจว่ารายได้รวมปี 51 จะยังเติบโตได้ตามเป้าหมาย คือ 15% จากปี 50 ที่มีรายได้รวม 14,029.25 ล้านบาท โดยหวังว่าเหตุการณ์ต่างๆจะจบลงโดยเร็ว ประกอบกับยังมีไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น
"โดยปกติเราจะประเมินความเสี่ยงจากเหตุการณ์อยู่นอกเหนือความคาดหมาย เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิด ทุกๆปีจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้น ไม่ว่าจะรัฐประหาร ระเบิด สึนามิ ซาร์ หวัดนก แต่ถ้าสังเกตว่าที่ผ่านมามีทุกปี ก็อยู่ที่ว่าบริษัทว่าเราจะสามารถ Turn Around หรือ React กับเหตุการณ์พวกนี้ได้เร็วแค่ไหนและมีการวางแผนแก้ไขด้วยวิธีไหน"นางสาวประภารัตน์ กล่าว
นางสาวประภารัตน์ กล่าวว่า จนถึงขณะนี้แผนงานต่างๆ ที่วางไว้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง เช่น แผนเปิดโรงแรมแห่งใหม่ที่ภูเก็ตในช่วงเดือน ต.ค.นี้ รวมถึงรับบริหารโรงแรมที่อาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรต 1 แห่งในช่วงเดือน ต.ค.นี้เช่นกัน
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--