นายอดิเทพ พิศาลบุตร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ปตท.เคมิคอล (PTTCH) เปิดเผยว่า บริษัทจะมองหาการสร้างรายได้ในต่างประเทศมากขึ้นในรูปแบบการควบรวมและการซื้อกิจการ หลังจากพบว่าการขยายธุรกิจปิโตรเคมีในประเทศทำได้ยาก ประกอบกับปัจจุบันในประเทศมีข้อจำกัดในการลงทุนทั้งด้านกฎหมาย ที่ดิน สิ่งแวดล้อม และมองว่าในช่วง1-2 ปีนี้(2552-2011) ยังเป็นช่วงขาลงของธุรกิจปิโตเคมีและจะกลับมาสู่ภาวะปกติในปี 2554 โดยบริษัทได้ตั้งเป้าหมายที่จะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศและต่างประเทศ เป็น 50:50 จากปัจจุบันอยู่ที่ 80:20
อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์ปิโตรเคมีที่อยู่ในช่วงขาลง ก็ถือว่าเป็นโอกาสและจังหวะที่ดีของบริษัทในการทำ M&A บริษัทจะมองไปในแต่ละบริษัททั่วโลกที่ทำธุรกิจด้านปิโตรเคมี ที่อาจกำลังมีปัญหาด้านเงินทุน และบริษัทดังกล่าวจะต้องมีศักยภาพในด้านอีบีด้านจำนวนลูกค้าเพื่อต่อยอดการทำธุรกิจของ PTTCH ได้ โดยที่ผ่านมาก็ได้เข้าไปศึกษาพบว่าบางบริษัทมีมาร์จิ้นที่ปรับลดลง
"ช่วงที่ปิโตเคมีขาลงเราก็มองว่าเป็นจังหวะของเราในการเข้าไปมองหาธุรกิจ หรือบริษัทในต่างประเทศใหม่เพื่อต่อยอดธุรกิจและสร้างรายได้ในอนาคตด้วย เราจะเป็น Global ที่มองหาการลงทุนทั่วโลก ทั้งในเยอรมัน อเมริกา มาเลเซีย เพื่อให้บริษัทเหล่านั้นเป็นซัพพลายเชน ให้เราสามารถผลิตและจัดส่งสินค้าไปขายได้ทั่วโลก และบริษัทวางแผนใช้งบลงทุนตลอด 5 ปี จำนวนกว่า 70,000 ล้านบาท"
นายอดิเทพ กล่าวต่อว่า ส่วนเม็ดเงินลงทุนจะพิจารณาเป็นแต่ละโครงการไป ซึ่งอาจใช้กระแสเงินสดของบริษัทเอง หรืออาจเป็นการกู้เงินจากสถาบันการเงินแทน เพราะปัจจุบันบริษัทยังมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนต่ำ เพียง 0.3-0.4 เท่านั้น และยังมีเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนในช่วงที่ผ่านมาด้วยดังนั้นในช่วงนี้คงจะไม่มีการเพิ่มทุนอีก รวมทั้งแผนในการออกหุ้นกู้ก็อาจจะชะลอไปก่อนในปีนี้
ในส่วนผลประกอบการในปีนี้บริษัทได้ปรับเพิ่มเป้ารายได้เป็น 100,000 ล้านบาท โต 15% จากปีก่อน จากเดิมที่คาดว่าจะมีรายได้ 80,000-90,000 ล้านบาท เนื่องจากจะมีรายได้จาก บริษัท ค็อกนิส โอลีโอเคมิคอลส์ (COM) เข้ามาในช่วงปลายปีนี้ ที่บริษัทเข้าถือหุ้น 50% และเชื่อว่าจะเติบโตต่อเนื่องปีละ 15% ในอีก 3-4 ปีข้างหน้า แม้ธุรกิจปิโตรเคมีจะอยู่ในช่วงขาลง
ส่วนในครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีการเติบโตใกล้เคียงกับครึ่งปีแรก ที่มีกำไรสุทธิ 10,995 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถจ่ายปันผลในครึ่งปีหลังใกล้เคียงกับครึ่งปีแรกที่จ่ายในอัตรา 3.53 บาทต่อหุ้น ส่วนการหยุดซ่อมบำรุงในโรงงาน I4/2 ซึ่งผลิตโอเลฟินด์ 50 วันนั้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้บริษัทเพราะได้มีการรองรับและเตรียมความพร้อม
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/นิศารัตน์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--