นายชาญ วรรธนะกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. กรุงเทพประกันชีวิต คาดว่า บริษัทจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ราวไตรมาส 4/51 โดยขณะนี้ข้อมูลการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปของบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งหากได้รับอนุมัติก็พร้อมจะดำเนินการทันที
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยมีทุนจดทะเบียน 1,220 ล้านบาท และทุนชำระแล้วก่อนการเสนอขายหุ้น 1,000 ล้านบาท และบริษัทฯ จะเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปจำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
ในส่วนของแผนการดำเนินงานครึ่งปีหลัง บริษัทฯ จะเน้นพัฒนาด้านการให้บริการกับลูกค้าแบบ One Stop Service รวมทั้งจะเร่งฝึกอบรมและสร้างเครือข่ายตัวแทนขายที่เป็นคนรุ่นใหม่ในระดับชุมชนและหมู่บ้าน ขณะเดียวกันจะจัดตั้งสำนักงานสาขาในการให้บริการเพิ่มขึ้น เพื่อกระจายการบริการไปยังพื้นที่เป้าหมาย เช่น หาดใหญ่ สกลนคร เป็นต้น จากปัจจุบันที่มีสำนักงานสาขา 67 แห่ง โดยปัจจุบันลูกค้า 40% ยังเป็นลูกค้าในกทม.และ 60% เป็นลูกค้าในหัวเมืองใหญ่ พร้อมกับการจัดกิจกรรมการตลาดผ่านช่องทางตัวแทน และสำนักตัวแทนสาขาที่มีอยู่ครอบคลุมทั่วประเทศ
นายเอกจักร บัวหภักดี ผู้จัดการฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.พัฒนสิน ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินบมจ.กรุงเทพประกันชีวิต เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"โดยคาดว่าจะเสนอขายหุ้น IPO ของกรุงเทพประกันภัยในช่วงต้นเดือน ต.ค.51 แม้ว่าสถานการณ์การเมืองจะไม่ดี แต่ ณ ขณะนี้ผู้บริหารก็ไม่ได้วิตกปัญหาการเมืองเท่าไรนัก
"ณ วันนี้ยังไม่กลัวปัญหาการเมือง อีกอย่างเราขาย IPO ให้แก่นักลงทุนที่เป็นสถาบันเป็นหลัก จึงไม่มีผลอะไรกับการเมืองและหุ้นประกันก็ที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยมีการแกว่งตัว แต่มีการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเวลานี้เรายังยืนยันที่จะขาย IPO ในช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้ โดยจะมีการออกโรดโชว์ในประเทศในช่วงวันที่ 8-11 กันยายนนี้ และนำเสนอข้อมูลเป็น group และ public ในวันที่ 12 กันยายน 2551"นายเอกจักร กล่าว
กรุงเทพประกันชีวิต มีวัตถุประสงค์ในการระดมทุนครั้งนี้ เพื่อจะนำเงินไปใช้เป็นทุนหมุนเวียน และเพิ่มเงินกองทุนของบริษัทให้แข็งแกร่ง สร้างความน่าเชื่อถือต่อคู่ค้า และรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต โดยกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดที่สำคัญ ได้แก่ การขยายเครือข่ายตัวแทน การพัฒนาประสิทธิภาพการขยายตลาดผ่านธนาคาร และการให้ความสำคัญกับการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายและความต้องการของลูกค้า
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท 5 อันดับแรก ประกอบด้วย กลุ่มโสภณพนิช ถือหุ้น 38.66% หลังขาย IPO จะถูกลดสัดส่วนการถือหุ้นเหลือ 32.22%, กลุ่มนิปปอนไลฟ์ อินชัวรันส์ ถือหุ้น 25% หลัง IPO จะเหลือสัดส่วน 20%, กลุ่มธนาคารกรุงเทพ ถือหุ้น 9.28% หลัง IPO จะเหลือสัดส่วน 7.73%, กลุ่มลิมทรง ถือหุ้น 8.45% หลังขายเหลือสัดส่วน 7.04% และ บมจ. กรุงเทพประกันภัย ถือหุ้น 5.12% ภายหลังจะลดเหลือ 4.26%
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--