ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและภาคการเงินของสหรัฐ โดยนักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นแม้ราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ร่วงลงกว่า 5 ดอลลาร์ก็ตาม
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 26.63 จุด หรือ 0.23% แตะที่ 11,516.92 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 5.25 จุด หรือ 0.41% แตะที่ 1,277.58 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง 18.28 จุด หรือ 0.77% แตะที่ 2,349.24 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.1 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 17 ต่อ 14 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 1.9 พันล้านหุ้น
แอนโทนี คอนรอย นักวิเคราะห์จาก BNY ConvergEx Group.กล่าวว่า "ในช่วงเช้านั้น ดาวโจนส์พุ่งขึ้นเกือบ 250 จุดหลังจากราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ร่วงลงไปแตะระดับต่ำสุดในระหว่างวันที่ 105.46 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ต่อมาในช่วงสายบรรยากาศการซื้อขายเริ่มถูกปกคลุมด้วยความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาในภาคการเงินและแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งทำให้ตลาดไม่สามารถรั้งแรงบวกในช่วงเช้าเอาไว้ได้ และดิ่งลงปิดในแดนลบในที่สุด"
"การร่วงลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงน้ำมันดิบ ได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานและโลหะร่วงลงทั่วทั้งกระดาน ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงซึ่งฉุดดัชนี Nasdaq ดิ่งลงด้วย โดยราคาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างหนักหลังจากมีรายงานว่าพายุเฮอริเคน"กุสตาฟ" ไม่ได้สร้างความเสียหายต่อแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าสธรรมชาติในเขตกัลฟ์โคสต์" คอนรอยกล่าว
ฟิลิป ดอว์ นักวิเคราะห์จาก RBC Wealth Management กล่าวว่า "หุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้น แต่ก็ยังไม่แกร่งพอที่จะประคองตลาดให้ดีดตัวขึ้นได้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับภาวะตกต่ำในตลาดอสังหาริมทรัพย์และวิกฤตการณ์สินเชื่อที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจสหรัฐให้ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง"
"นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาในภาคการเงินของสหรัฐมากขึ้น หลังจากบริษัทฟิทช์ เรตติ้ง ปรับลดอันดับความน่าลงทุนหุ้นบุริมสิทธิ์ของสมาคมการจำนองแห่งชาติของรัฐบาลกลาง (แฟนนี เม) และบรรษัทจำนองสินเชื่อบ้านของรัฐบาลกลาง (เฟรดดี แมค) หลังจากสถาบันการเงินทั้งสองประสบปัญหาขาดแคลนเงินทุนก้อนใหม่ซึ่งอาจทำให้บริษัทต้องระงับการจ่ายเงินปันผล" ดอว์กล่าว
สถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีชี้วัดกิจกรรมการผลิตของโรงงานในสหรัฐร่วงลงแตะระดับ 49.9 จุดในเดือนส.ค. จากเดือนก.ค.ที่ระดับ 50 จุด ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคโรงงานยังคงเผชิญความยากลำบากที่สุดในการรับมือกับภาวะตกต่ำในตลาดที่อยู่อาศัย นับตั้งแต่เกิดภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในช่วงทศวรรษที่ 1930
หุ้นเลห์แมน บราเธอร์ส ดีดขึ้น 4 เซนต์ ปิดที่ 16.13 ดอลลาร์ หลังจากมีข่าวว่าธนาคารโคเรีย ดิเวลล็อปเมนท์ แบงค์ กำลังเจรจากับกลุ่มไพรเวทแบงค์เพื่อเข้าซื้อหุ้นเลห์แมน บราเธอร์ส ขณะที่หุ้นเมอร์ริล ลินช์ ร่วงลง 2.1%
การร่วงลงของราคาน้ำมันช่วยหนุนหุ้นกลุ่มสายการบินดีดตัวขึ้น โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 11.3% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ดีดขึ้น 12.8% และหุ้นเจ็ทบลู แอร์เวย์ ทะยานขึ้น 4.1% แต่ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง โดยหุ้นเอ็กซอนโมบิล ร่วงลง 3.4% หุ้นเชฟรอนดิ่งลง 3.5%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--