โบรกเกอร์ ปรับมุมมองต่อหุ้นบมจ.ซีฟโก้(SEAFCO)โดยหันมาเชียร์"ซื้อ"หรืออย่างน้อย"ถือ"หลังจากเห็นว่าแนวโน้มกำไรในช่วงครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวจากการรับรู้โครงการใหม่ และมีงานในมืออยู่ 1.4 พันล้านบาทในครึ่งปีแรก ประกอบกับต้นทุนการก่อสร้างปรับลงจากราคาน้ำมันอ่อนต้ว รวมไปถึงจะบันทึกหนี้ที่ได้รับชำระคืน ส่วนแนวโน้มปี 52 กำไรจะเพิ่มขึ้นตามปริมาณงาน
ปิดเที่ยง หุ้น SEAFCO อยู่ที่ 3.20 บาท บวก 0.02 บาท(+0.63%) โดยปรับขึ้นไปสูงสุดที่ราคา 3.26 บาท และราคาต่ำสุดที่ 3.20 บาท
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
บล.บัวหลวง ซื้อเก็งกำไร 4.90 (ปี 52)
บล.ฟินันซ่า เทรดดิ้ง 4.13 (ปี 52)
บล.เอเชียพลัส ซื้อ 3.90
บล.ดีบีเอสฯ ถือ 3.52
บล.ยูไนเต็ด ซื้อเมื่ออ่อนตัว 3.50
นักวิเคราะห์จาก บล.ฟินันซ่า คาดว่า ครึ่งปีหลัง SEAFCO จะพลิกเป็นกำไรได้ราว 67 ล้านบาท จากครึ่งปีแรกที่ขาดทุน 11 ล้านบาท และทั้งปี 51 คาดว่าจะทำกำไรได้ 56 ล้านบาทตามงานใหม่ที่เข้ามามากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีงานเพิ่มอีก 300 ล้านบาท ขณะที่ต้นทุนวัสดุก่อสร้างลดลงจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง โดยเฉพาะราคาเหล็ก แต่ก่อนหน้านี้บริษัทได้ล็อกราคาเหล็กไว้แล้วส่วนหนึ่ง
"คิดว่าครึ่งปีแรกผลประกอบการ bottom แล้ว คิดว่าครึ่งปีหลังน่าจะฟื้น"นักวิเคราะห์ กล่าว
และมองว่าในปี 52 จะมีกำไรเพิ่มขึ้นเป็น 89 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทจะรับงานเพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่รับงานน้อยเพราะบริษัทเลือกรับงานในภาวะที่ต้นทุนก่อสร้างสูง และปีหน้าก็จะมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าด้วย
นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซียพลัส กล่วว่า เช้านี้ราคาหุ้น SEAFCO ปรับขึ้นไปรับข่าวที่บริษัทชนะคดีฟ้องร้องหนี้สูญจำนวน 44 ล้านบาท ซึ่งลูกหนี้ตกลงทยอยคืนให้ภายใน 12 เดือน โดยบริษัทได้ตั้งสำรองหนี้ส่วนนี้ไว้แล้วก่อนหน้านี้ คาดว่าจะบันทึกกลับมาเป็นกำไรได้ทันในไตรมาส 3/51 ก็จะทำให้พลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ประมาณ 20-25 ล้านบาท
นอกจากนี้ ต้นทุนวัสดุก่อร้างลดลงตามราคาน้ำมันดีเซลที่ขณะนี้ลงมามากถึง 12 บาท/ลิตร และวันนี้ก็ปรับลงอีก 0.60 บาท/ลิตร มาอยู่ที่ 32.44 บาท/ลิตร โดยบริษัทมีสัดส่วนต้นทุนจากราคาน้ำมันอยู่ในต้นทุนรวมค่อนข้างสูง เมื่อราคาลดลงก็จะทำให้ ความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น
ให้แนวต้านหุ้น SEAFCO วันนี้ไว้ที่ 3.34 บาท และแนวรับไว้ที่ 3.14 บาท คงขึ้นไม่มากตามภาวะตลาดรวม
บล.บัวหลวง(BLS) คาดว่า กำไรในครึ่งหลังของปีจะดีกว่าในครึ่งแรกของปี ปัจจัยหลักเนื่องจากรับรู้รายได้โครงการที่มีอัตรากำไรสูงที่เพิ่งเซ็นสัญญา และโครงการอัตรากำไรต่ำที่ค้างจากปีก่อน มีการรับรู้รายได้ลดลง ทั้งนี้ มูลค่างานในมือของ SEAFCO ที่ 1.4 พันล้านบาทนั้น บริษัทคาดว่าจะรับรู้ 925 ล้านบาทในครึ่งหลังของปี
อย่างไรก็ตาม BLS ได้ปรับลดประมาณการยอดขายในปี 51 ลง เป็น 1.7 พันล้านบาทจากเดิมที่ 2.3 พันล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์การเมืองส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการก่อสร้าง ส่วนประมาณการอัตรากำไรขั้นต้นได้ลดลงเป็น 7.5% จากเดิมที่ 12.6% แต่คาดกำไรปี 52 ฟื้นตัว เพราะคาดว่าสถานการณ์การเมืองจะดีขึ้นในปี 52 ซึ่งจะช่วยให้แนวโน้มการก่อสร้างดีขึ้น
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรกของปี 51 เป็นช่วงที่ผลการดำเนินงานอ่อนแออย่างมาก แต่ผลกระทบดังกล่าวได้สะท้อนในราคาหุ้นทั้งหมดแล้ว ในทางกลับกันงานใหม่ที่มีอัตรากำไรสูง ซึ่งคาดว่าจะส่งผลในกำไรฟื้นตัว ยังไม่สะท้อนในราคาหุ้น ปัจจุบันหุ้นมีการซื้อขายที่ PER ปี 52 ที่ 9.9 เท่า และต่ำกว่าราคาหุ้น IPO ที่ 4 บาท
ดังนั้น จึงประเมินด้วย PER 15 เท่าเพื่อสะท้อนการฟื้นตัวของการดำเนินงานเริ่มตั้งแต่ไตรมาส 3/51 ส่งผลให้ราคาเป้าหมายปี 52 อยู่ที่ 4.90 บาท แม้จะอยู่ระหว่างฟื้นตัว แต่สถานการณ์การทางการเมืองยังคงไม่แน่นอน ดังนั้น จึงปรับเพิ่มคำแนะนำจาก “ขาย"เป็น“ซื้อเก็งกำไร"
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--