"เสนาดีเวลฯ"ยื่นไฟลิ่งใหม่ขายIPO 175 ล.หุ้นใช้เทคโอเวอร์ศิรินทร์ทิพย์ฯ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 4, 2008 09:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า บมจ. เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ได้นับ 1 Filing เมื่อวันที่  2 กันยายน 2551 โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไป(IPO)จำนวน 175 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ  1บาท และในกรณีที่มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน หุ้นส่วนเกินจะมีจำนวนไม่เกิน 25 ล้านหุ้น ทั้งนี้บริษัทฯมีความประสงค์จะนำหุ้นสามัญของบริษัทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 
วัตถุประสงค์ของการใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้เพื่อเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท ศิรินทร์ทิพย์การเคหะ จำกัด เพื่อให้ได้มาซึ่งที่ดินประมาณ 88 ไร่ บริเวณด้านหน้าของโครงการ"เสนาแกรนด์โฮม" ซึ่งมีศักยภาพในการดำเนินโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และมีแผนงานที่จะพัฒนาโครงการ"เสนาแกรนด์โฮม"เฟสต่อเนื่อง(เฟส 5-8)เพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัยแบบครบวงจร และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ โดยมีบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ และบริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
บมจ. เสนาดีเวลลอปเม้นท์ เดิมชื่อบริษัท กรุงเทพเคหะกรุ๊ป จำกัด ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยที่หลากหลาย ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 20 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมกว่า 5,700 ล้านบาท
บริษัทฯมีบริษัทย่อยจำนวน 5 บริษัท ได้แก่ บริษัท วิคตอรี่ แอสเซ็ท แมเนจเม้นท์ จำกัด(VAM), บริษัท เอส แอนด์ อาร์ เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (SRH), บริษัท เอส แอนด์ พี เอสเตส ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (SPE), บริษัท เอส เอ็น แอสเซ็ท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(SNA) และบริษัท เอส แอนด์ พี เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (SPH)
ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในงวด 6 เดือนแรกของปี 2551 มีรายได้รวม 555.6 ล้านบาท ต้นทุนขาย 156.4 ล้านบาท กำไรสุทธิ 122.3 ล้านบาท สินทรัพย์รวม 1,443.2 ล้านบาท หนี้สินรวม 553.2 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 890 ล้านบาท
ปัจจุบันบริษัทฯมีทุนจดทะเบียน 700 ล้านบาท มีจำนวนทุนชำระเท่ากับ 500 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 500 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้จะทำให้บริษัทฯมีทุนชำระแล้วเพิ่มเป็น 700 ล้านบาท
ผู้ถือหุ้นใหญ่สุดของ เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ณ วันที่ 18 สิงหาคม 2551 คือ กลุ่มตระกูลธัญลักษณ์ภาคย์ ถือหุ้น 100% หลังขาย IPO ครั้งนี้จะลดสัดส่วนเหลือ 71.43% (รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน)
บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลในแต่ละปีของงบการเงินเฉพาะแต่ละบริษัทฯ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ