(เพิ่มเติม1) ผู้ถือหุ้น MPIC คว่ำดีลซื้อ PM และ MNR ด้าน MAJOR ยันยังสนับสนุนอยู่

          ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น บมจ.เอ็ม พิคเจอร์สเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (MPIC) มีมติไม่อนุมัติการทำรายการเข้าซื้อกิจการ บริษัท แปซิฟิค มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ กรุ๊ป จำกัด (PM) และ บริษัท มีเดีย เน็ตเวิร์ก รีเทล จำกัด (MNR) รวมทั้งแผนเพิ่มทุน 290.8 ล้านหุ้นที่ส่วนหนึ่งจะนำไปใช้ในการสวอปหุ้น หลังจากคณะผู้บริหารพยายามชี้แจงประโยชน์ที่จะได้รับจากการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวในวันนี้  
          ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นที่เห็นด้วยกับการทำดีลดังกล่าวมีจำนวน 65.33% ขณะที่เสียงที่ไม่เห็นด้วย มีจำนวน 34.66% ขณะที่ข้อกำหนดของบริษัทระบุว่าจะต้องได้รับเสียงสนับสนุนไม่ต่ำกว่า 3 ใน 4 ของผู้เข้าร่วมประชุม โดยไม่นับส่วนของผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้ส่วนเสีย จึงจะถือว่ามีมติเห็นด้วย
          นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการ บมจ.เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ (MAJOR) ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ใน MPIC ยืนยันว่า แม้ดีล MPIC เข้าซื้อกิจการบริษัทย่อยในเครือ MAJOR จะไม่สำเร็จในวันนี้ แต่ MAJOR ก็ยังมีแนวคิดและยุทธศาสตร์ในสมองอีกมากที่จะทำให้ MPIC เติบโตต่อไปได้และค่อยๆมีผลกำไรเพิ่มขึ้น
          นายวิชา กล่าวว่า ถึงแม้ดีลการแลกหุ้นกับ PM และ MNR ไม่สำเร็จ แต่ไม่ได้หมายถึงการตัดความสัมพันธ์ระหว่างกัน แต่จะพยายามหาหนทางในการเป็นพันธมิตรร่วมกันในอนาคต เพื่อให้ทั้ง MAJOR และ MPIC เติบโตอย่างต่อเนื่อง 
          "เสียดายโอกาสทางธุรกิจ เพราะ MAJOR มีความตั้งใจจะสยายปีกธุรกิจให้ครบทั้งปีกซ้ายคือธุรกิจภาพยนตร์ที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่ยังขาดธุรกิจทางปีกขวาที่จะมาต่อยอดระหว่างกัน"นายวิชา กล่าวกับที่ประชุมผู้ถือหุ้น MPIC 
          เนื่องจาก PM เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ฮอลลีวูด แต่ละปีมีผลประกอบการอยู่ในเกณฑ์ดี และน่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันมีมาร์เก็ตแชร์ในธุรกิจนี้ประมาณ 30-40% ของตลาด ขณะที่ MNR ก็มีความแข็งแกร่งทางด้านช่องทางค้าปลีกโฮม เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ และมีความรวดเร็วในการขยายสาขาซึ่งอิงกับค้าปลีกใหญ่ๆ อย่างเทสโก้ โลตัส โดยปี 50 MNR มียอดขายอยู่ที่ประมาณ 700 ล้านบาท
*ก่อนผถห.ลงมติ"สุรพงษ์ เตรียมชาญชัย"เผยเห็นลู่ทางสร้างผลกำไรหลังดีล PM-MNR
          ด้านนายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MPIC กล่าวชี้แจงกับผู้ถือหุ้นก่อนจะมีการขออนุมัติแผนการเข้าซื้อหุ้น PM และ MNR ภายหลังการทำดีล ซึ่งคาดว่ากระบวนการ Subscribe หุ้นน่าจะเสร็จสิ้นประมาณวันที่ 2 ต.ค.นี้ ซึ่งจะทำให้โครงสร้างผู้ถือหุ้นของ MPIC เปลี่ยนไป คือ MAJOR จะถือหุ้นเพิ่มเป็น 44% จาก 40.80% ในปัจจุบัน และจะเปลี่ยนสถานะจากการเป็นถือหุ้นใน PM มาเป็นผู้ถือหุ้น MPIC เพียงขาเดียว
          ส่วน MPIC เองก็จะมีบทบาททางธุรกิจบริหารจัดการดด้านโฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์แบบค้าปลีกมากขึ้นด้วย โดยคาดหวังว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จาก PM และ MNR ตั้งแต่ปลายปีนี้ แต่อาจจะยังเห็นผลตัวเลขรายได้และกำไรที่ชัดเจน แต่เชื่อว่าปี 52 MPIC น่าจะเริ่มมีความสามารถในการทำกำไร
          "เรามองเห็นลู่ทางและโอกาสที่จะทำให้ธุรกิจเติบโต"นายสุรพงษ์ กล่าวทิ้งท้ายในที่ประชุมฯ ก่อนที่จะถูกลงมติคว่ำแผนดังกล่าว