นักวิเคราะห์คาดตลาดหุ้นนิวยอร์กบวกต่อคืนนี้ ขานรับข่าวรบ.สหรัฐอุ้มแฟนนีเม,เฟรดดีแมค

          นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กคืนนี้อาจขานรับข่าวที่ว่ารัฐบาลสหรัฐวางแผนเข้าเทคโอเวอร์ แฟนนี เม และ เฟรดดี แมค ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รัฐบาลสหรัฐให้การสนับสนุน (GSE) และมีหน้าที่จัดหาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ซื้อบ้าน โดยมีเป้าหมายที่จะช่วยเหลือสถาบันการเงินทั้ง 2 แห่งให้พ้นภาวะล้มละลายที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกัน และป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายมากขึ้นอีกต่อตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐซึ่งกำลังอยู่ในภาวะย่ำแย่
          ดาเนียล อัลเพิร์ท นักวิเคราะห์จาก Westwood Capital กล่าวว่า ข่าวรัฐบาลสหรัฐเทคโอเวอร์แฟนนี เม และเฟรดดี ถือเป็นปัจจัยบวกต่อธนาคารพาณิชย์ทั่วโลก รวมถึงซิตี้กรุ๊ป เมอร์ริล ลินช์ และธนาคารยูบีเอส เอจี ที่เข้ามาลงทุนในตลาดปล่อยกู้จำนองในสหรัฐ โดยในการซื้อขายดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าทางระบบอิเล็กทรอนิกเมื่อคืนนี้ ดัชนีหลักๆในตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นราว 2% 
          "ผมมั่นใจว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยให้ตลาดปล่อยกู้จำนองมีเสถียรภาพมากขึ้น" อัลเพิร์ทกล่าว
          อย่างไรก็ตาม บาร์นีย์ แฟรงค์ ประธานคณะกรรมาธิการบริการการเงินของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เผยว่า ผู้ถือหุ้นทั้งหมดจะได้รับผลกระทบรุนแรง จากการที่รัฐบาลเข้าควบคุมแฟนนี เม และเฟรดดี แมค พร้อมระบุว่า รัฐบาลเตรียมการจัดตั้งทีมบริหารใหม่ ซึ่งหมายความถึงการปลดประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแฟนนี เมและเฟรดดี แมค และคาดว่ารัฐบาลจะเข้าควบคุมสองบริษัทดังกล่าวอย่างน้อยหนึ่งปี 
          ขณะที่ ควินซี ครอสบี นักวิเคราะห์จากบริษัท The Hartford กล่าวว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ต้องการเห็นหลักฐานที่บ่งชี้ว่าราคาที่อยู่อาศัยดิ่งลงถึงก้นเหวและพร้อมจะดีดตัวขึ้นตามกลไก พร้อมกับจับตาดูว่ารัฐบาลจะทำอย่างไรต่อไปเพื่อช่วยให้กลุ่มเจ้าของบ้านที่ประสบปัญหาสามารถชำระดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านได้ และช่วยให้ประชาชนสามารถซื้อบ้านใหม่ได้
          เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 32.73 จุด หรือ 0.29% แตะที่ 11,220.96 จุด เนื่องจากนักลงทุนไม่ได้ให้น้ำหนักกับรายงานที่กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (non farm payroll) เดือนส.ค.ของสหรัฐ ร่วงลงหนักกว่าคาดการณ์ถึง 84,000 ตำแหน่ง ซึ่งถือเป็นสถิติการปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน ขณะที่อัตราว่างงานพุ่งทะยานสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ระดับ 6.1% สำนักข่าวเอพีรายงาน