ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (8 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่าตลาดการเงินและตลาดที่อยู่อาศัยในสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นหลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศเทคโอเวอร์กิจการแฟนนี เม และเฟรดดี แมค ซึ่งเป็นสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 289.78 จุด หรือ 2.58% แตะที่ 11,510.74 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 25.48 จุด หรือ 2.05% แตะที่ 1,267.79 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 13.88 จุด หรือ 0.62% แตะที่ 2,269.76 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.5 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2 ต่อ 1
นักลงทุนขานรับข่าวที่ว่า รัฐบาลสหรัฐวางแผนเข้าเทคโอเวอร์ แฟนนี เม และ เฟรดดี แมค ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รัฐบาลสหรัฐให้การสนับสนุน (GSE) และมีหน้าที่จัดหาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ซื้อบ้าน โดยมีเป้าหมายที่จะช่วยเหลือบริษัททางการเงินให้พ้นภาวะล้มละลายที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ และป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายมากขึ้นอีกต่อตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐซึ่งกำลังอยู่ในภาวะย่ำแย่
แผนการแทรกแซงของรัฐบาลสหรัฐครั้งนี้ สะท้อนถึงความกังวลในหมู่เจ้าหน้าที่สหรัฐ ว่าตลาดการเงินเริ่มสูญเสียความเชื่อมั่นต่อสองบริษัทนี้หลังจากมียอดขาดทุนรวมกันเกือบ 14,000 ล้านดอลลาร์ในช่วงสี่ไตรมาสล่าสุด ขณะที่ราคาหุ้นดิ่งลงกว่า 90% ในรอบปีที่ผ่านมา
รายงานระบุว่า แฟนนี เม และเฟรดดี แมค ได้รับจดหมายจากสำนักงานสินเชื่อเคหะแห่งชาติ (เอฟเอชเอฟเอ) ที่แจกแจงปัญหาของสองบริษัทที่ร่วมกันรับประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัยถึงครึ่งหนึ่งของยอดรวมทั่วประเทศ 12 ล้านล้านดอลลาร์ และสาเหตุที่รัฐบาลกลางต้องเข้าควบคุม รวมถึงแนะนำว่าแฟนนี เมและเฟรดดี แมคควรยอมรับมาตรการแทรกแซงนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อน ถ้าหากตกอยู่ในฐานะล้มละลายและถูกสั่งพิทักษ์ทรัพย์ เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของพวกเจ้าหนี้ที่ถือครองตราสารหนี้ของบริษัททั้งสอง
อย่างไรก็ตาม บาร์นีย์ แฟรงค์ ประธานคณะกรรมาธิการบริการการเงินของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯแสดงความเห็นว่า ผู้ถือหุ้นทั้งหมดจะได้รับผลกระทบรุนแรง จากการที่รัฐบาลเข้าควบคุมบริษัททั้งสอง โดยจะมีการตั้งทีมบริหารใหม่ ซึ่งหมายความถึงการปลดประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแฟนนี เมและเฟรดดี แมค
ด้าน บารัค โอบามา ตัวแทนพรรคเดโมแครตที่จะเข้าไปชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า "มาตรการแทรกแซงเป็นสิ่งจำเป็น เราต้องปกป้องผู้เสียภาษี ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นและผู้บริหาร"
ความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐได้ฉุดหุ้นแฟนนีเม ดิ่งลง 90.1% ขณะที่หุ้นเฟรดดีแมค ดิ่งลง 83% แต่หนุนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้น โดยหุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 7.7% หุ้นวาโชเวียพุ่งขึ้น 13.4% หุ้นซิตี้กรุ๊ปปิดบวก 6.6%
อย่างไรก็ตาม หุ้นเลห์แมน บราเธอร์ส ร่วงลง 12.7% เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของวาณิชธนกิจรายใหญ่อันดับ 4 ของสหรัฐรายนี้
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--