นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย (SCIB) เปิดเผยว่า ธนาคารเสนอโปรโมชั่นพิเศษ "สินเชื่อเคหะนครหลวงไทย" แก่ลูกค้ารายย่อยที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยสำหรับบ้านใหม่ในโครงการที่ธนาคารร่วมสนับสนุน 2 ทางเลือก ได้แก่ ทางเลือกที่ 1 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 1 ปี เท่ากับ 1.99% ต่อปี หลังจากนั้นคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (MLR) ลบ 1.0% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา
ทางเลือกที่ 2 อัตราดอกเบี้ยลอยตัว ปีที่ 1 อัตราดอกเบี้ย MLR ลบ 4.0% ต่อปี ปีที่ 2 คิดอัตรา MLR ลบ 3.0% ต่อปี หลังจากนั้นคิดอัตราดอกเบี้ย MLR ลบ 1.0% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา
สำหรับลูกค้าที่ขอกู้ซื้อที่อยู่อาศัยซึ่งพัฒนาโดย บมจ.ปริญสิริ (PRIN), บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF), บมจ. เมเจอร์ ดิเวลลอปเม้นท์ (MJD), บมจ.ศุภาลัย (SPALI), บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH), บมจ. แสนสิริ (SIRI), บมจ.คิวเฮ้าวส์ (QH) และบมจ.เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดิเวลลอปเม้นท์ (AP) ธนาคารเสนอทางเลือกดอกเบี้ยพิเศษเพิ่มเติมด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ 1 ปี เท่ากับ 2.25% ต่อปี หลังจากนั้นคิดอัตราดอกเบี้ย MLR ลบ 1.25% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา
ส่วนลูกค้าที่ขอกู้ในโครงการทั่วไปหรือบ้านมือสองปีแรกคิดอัตราดอกเบี้ยคงที่เท่ากับ 3.99% ต่อปี หลังจากนั้นคิดอัตราดอกเบี้ย MLR ลบ 0.5% ต่อปี ตลอดอายุสัญญาวงเงินกู้สูงสุดถึง 95% ของราคาประเมิน ระยะเวลาการกู้สูงสุด 30 ปี
นายชัยวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระให้กับลูกค้าธนาคารได้ขยายระยะเวลาโครงการปรับลดจำนวนเงินผ่อนชำระคืนเงินกู้ต่องวดเหลือ 5,000 บาท ต่อเงินกู้ทุก ๆ 1 ล้านบาท เป็นระยะเวลานานถึง 1 ปี จากปกติที่ลูกค้าสินเชื่อเคหะจะต้องมียอดผ่อนชำระคืนเงินกู้ต่องวดประมาณ 7,000 บาท ต่อเงินกู้ทุก ๆ 1 ล้านบาท ภายหลังจากที่สิ้นสุดโครงการไปเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2551 ที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าสินเชื่อ โดยลูกค้าสามารถเลือกรับเงื่อนไขอัตราดอกเบี้ยและเข้าร่วมโครงการดังกล่าวได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2551 เท่านั้น
นอกจากนี้ธนาคารจะมอบส่วนลดดอกเบี้ยในปีแรกลงอีก 0.25% จากทุกเงื่อนไขสำหรับลูกค้าที่กู้สินเชื่อเคหะพร้อมทำประกันชีวิตที่คุ้มครองวงเงินกู้ทั้งจำนวนและอายุกรมธรรม์ไม่ต่ำกว่าอายุสัญญาเงินกู้หรือไม่ต่ำกว่า 10 ปีอีกด้วย
"ธนาคารมั่นใจว่าสามารถปล่อยสินเชื่อเคหะตามเป้าหมาย 1.5 หมื่นล้านบาทอย่างแน่นอน โดยเน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลางขึ้นไป
และกลุ่มลูกค้าที่กำลังอยู่ในระหว่างการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยถึงแม้ว่าจะมีปัจจัยเข้ามากระทบทั้งในเรื่องของแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยและความกังวลถึงราคาที่อยู่อาศัยที่อาจจะปรับเพิ่มขึ้นในอนาคต รวมถึงการขยายความร่วมมือกับโครงการที่ธนาคารเป็นผู้สนับสนุนเงินกู้ในการพัฒนา (Pre Finance) ซึ่งธนาคารมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ประกอบการอยู่แล้วและส่วนใหญ่เป็นฐานลูกค้าเก่าที่ดีของธนาคาร
พร้อมได้ปรับปรุงขั้นตอนการพิจารณาสินเชื่อให้รวดเร็วยิ่งขึ้น" นายชัยวัฒน์ กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--