บมจ.ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น (TRC) ประกาศมุ่งสู่ธุรกิจพลังงาน มองเป็นโอกาสเพิ่มงานด้านรับเหมาให้กับบริษัทอีกด้วย คาดเริ่มเห็นความชัดเจนจากข้อสรุปผลศึกษาในปี 52 ทั้งโครงการร่วมทุนกับ EGCO-PTT และ โครงการโรงไฟฟ้าสตึงนัมในกัมพูชา พร้อมเปิดหาพันธมิตรร่วมลงทุนในโครงการสตึงนัมด้วย
นายสมัย ลี้สกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TRC เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทวางแผนเข้าสู่ธุรกิจพลังงานไฟฟ้า โดยเริ่มจากการเป็นผู้พัฒนาโครงการและร่วมถือหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้ารายเล็ก(SPP) และการศึกษาแผนลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าสตึงนัมในกัมพูชา ซึ่งนอกจากจะสร้างรายได้ให้กับบริษัทแล้ว ยังสร้างโอกาสในการเป็นผู้รับเหมางานก่อสร้างโครงการด้วย
"บริษัทมุ่งสู่ธุรกิจโรงไฟฟ้าอย่างชัดเจนและต่อเนื่อง เพราะการถือหุ้นในโรงไฟฟ้าทำให้บริษัทมีโอกาสได้งานรับเหมาสูงด้วย ในฐานะผู้พัฒนาโครงการ ถือว่าได้สองต่อเป็นกลยุทธ์ของบริษัท"นายสมัย กล่าว
TRC ลงนามบันทึกความเข้าใจเบื้องต้นกับ บมจ.ผลิตไฟฟ้า(EGCO) และ บมจ.ปตท.(PTT) ในโครงการโรงไฟฟ้า SPP มีมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 2 พันล้านบาท เพื่อศึกษารายละเอียดและความเป็นไปในการพัฒนาโครงการขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 45 เมกะวัตต์ ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง โดยมีสัดส่วนการถือหุ้น TRC 30%, EGCO 35% และ PTT 35% และ TRC 30%
นายสมัย กล่าวว่า บริษัทมีโอกาสได้งานรับเหมาก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าแห่งนี้ เนื่องจากเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาโครงการ โดยคาดว่าจะมีมูลค่าการก่อสร้างประมาณ 1.6-1.8 พันล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและทำการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งน่าจะมีข้อสรุปผู้รับเหมาโครงการในต้นปี 52 หลังจากที่ได้เซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)ไปแล้ว
ส่วนการศึกษาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำสตึงนัม เบื้องต้นคาดว่ามูลค่าโครงการประมาณ 7 พันล้านบาท เนื่องจากต้องมีการก่อสร้างเขื่อน ซึ่งบริษัทกำลังหาผู้ร่วมลงทุนที่มีความเชี่ยวด้านโรงไฟฟ้ามาร่วมงานด้วย คาดว่าจะสรุปผลการศึกษาโครงการกลางปี 52
"โครงการขนาดใหญ่ก็ต้องหาผู้ร่วมทุนเพื่อลดความเสี่ยงและตามความสามารถทางการเงินของบริษัท แต่การเป็นผู้บุกเบิกทำให้โอกาสได้งานสูงโดยเฉพาะโรงไฟฟ้าขนาดเล็กที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปต้นปี 52 หลังศึกษาโครงการมากว่า 6 เดือนจากปกติเวลาศึกษา project ละประมาณ1 ปี" นายสมัย กล่าว
นายสมัย กล่าวต่อว่า บริษัทตั้งเป้าหมายจะรักษามูลค่างานคงค้างในมือ ณ สิ้นปี 51 ให้อยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาท จากสิ้นไตรมาส 2/51 อยู่ที่ระดับ 2 พันล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้บางส่วนพร้อมไปกับการหางานใหม่เข้ามาเพิ่ม
และในปีนี้ TRC ตั้งเป้ารายได้กว่า 2 พันล้านบาท เติบโตราว 30% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.6 พันล้านบาท และเป้าหมายอัตราอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 18% สูงขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 15-16%
*คาดได้เอี่ยวร่วมงานท่อก๊าซเส้นที่ 4 ของ PTT ไม่ต่ำกว่า 30%
สำหรับความคืบหน้าการเปิดประมูลงานสร้างโครงการท่อก๊าซเส้นที่ 4 ของปตท.จากจังหวัดระยองมายังสระบุรีนั้น นายสมัย กล่าวว่า คณะกรรมการ PTT จะประชุมภายในเดือน ก.ย.นี้ว่าจะดำเนินการเปิดประมูลงานหรือไม่อย่างไร โดยบริษัทคาดหวังว่าจะได้มีส่วนร่วมในงานนี้ไม่น้อยกว่า 30% เนื่องจากบริษัทมีประสบการณ์ในการวางท่อและงานก่อสร้างด้านปิโตรเคมีให้กับเครือปตท.อยู่แล้ว
นอกจากนี้บริษัทยังมีงานภาครัฐอื่นๆ อาทิ งานการประปาส่วนภูมิภาค งานเอกชนของเครือซีเมนต์มูลค่ารวมทั้งหมดที่จะประมูลในช่วงครึ่งปีหลังประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท
“หากรัฐบาลยังคงเดินหน้าสนับสนุนให้มีการใช้ก๊าซธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น ปตท.เองก็ต้องเร่งสร้างท่อส่งก๊าซโดยหวังว่าจะเปิดประมูลได้ปีนี้ มูลค่า 1 หมื่นล้านบาทจากมูลค่าท่อส่งก๊าซที่กระทรวงพลังงานมีแผนก่อสร้างประมาณ 3-5 หมื่นล้านบาท หากงานนี้ออกมาจริงจะยิ่งส่งผลดีต่อบริษัท แต่ก็หวังว่าจะไม่มีการปฏิวัติก็พอใจแล้ว"นายสมัย กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--