ผู้บริหารกองทุนเชื่อต่างชาติหวนกลับเข้ามาลงทุนหุ้นไทยช่วงต้นปี 52

          นายวศิน วัฒนวรกิจกุล รองกรรมการผู้จัดการ บลจ.บัวหลวง เชื่อว่านักลงทุนต่างชาติจะกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยมองว่าช่วงต้นปี 52 จนถึงไตรมาส 2/52 สถานการณ์ทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติ เพราะตลาดหุ้นไทยยังเป็นตลาดที่น่าสนใจในสายตานักลงทุนต่างชาติพี/อี ยังต่ำแค่ระดับ 9 เท่า และหุ้นในกลุ่มขนาดใหญ่ยังให้ผลตอบแทนการลงทุนที่ดี ปันผลเฉลี่ยสูงถึง 4% 
          “การเมืองเรื่องคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีและศาลมีคำสั่งให้นายกรัฐมนตรีสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีนั้น เชื่อว่าจะดีต่อจิตวิทยาการลงทุนในตลาดหุ้นช่วงสั้นแต่หลังจากนั้นก็ต้องรอดูท่าทาของรัฐบาลและฝ่ายหันธมิตรว่าจะมีท่าทีอย่างไรออกมาอีก ซึ่งไม่สามารถประเมินสถานการณ์ได้ในตอนนี้"นายวศิน กล่าวในงานสัมมนาหัวข้อ “ตลาดหุ้นไทยจะอยู่อย่างไรหากไม่มีต่างชาติ" 
          ด้านนายธีรนาถ รุจิเมธาภาส รองกรรมการผู้จัดการ บลจ.ทิสโก้ กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีต่างชาติเทขายหุ้นต่อเนื่องจากปัญหาซับไพร์ม และยิ่งมาเทขายหนักในช่วงการประกาศบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 51 กว่า 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากต่างชาติทักกังวลกับการรัฐประหารหรือการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน 
          ขณะนี้ดัชนี SET ปรับตัวลดลงกว่า 20-30% หุ้นบางตัวมูลค่าต่ำกว่ามูลค่าหุ้นที่เหมาะสมค่อนข้างมาก ดังนั้น มองว่าเป็นจังหวะที่ดีในการที่นักลงทุน รวมทั้งสถาบันจะทยอยสะสมหุ้นเข้าพอร์ต โดยแบ่งการลงทุนอย่าซื้อในคราวเดียว โอกาสได้ผลตอบแทนจะสูงกว่า หุ้นกลุ่มที่น่าสนใจ คือ หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มพลังงาน และกลุ่มบันเทิง ที่ผลประกอบการดีและไม่ได้รับความเสี่ยงมากนัก
          “ต่างชาติเลือกลงทุนในประเทศที่ให้ผลตอบแทนดี ไม่ค่อยได้ให้ความสนใจเรื่องการเมืองแต่ที่เทขายเพราะปัญหาของสหรัฐมากกว่าเชื่อว่าหากต่างชาติกลับมายังคงให้น้ำหนักการลงทุนในเอเชียที่ พี/อีแค่ 12 เท่า และตลาดหุ้นไทยพี/อีแค่ 8-9 เท่า แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าตอนนี้ตลาดหุ้นไทยต่ำสุดหรือยัง" นายธีนาถ กล่าว
          นายวีระพล สิมะโรจน์ ผู้จัดการกองทุนอาวุโส บลจ.ธนชาต กล่าวว่า การที่ดัชนี SET ปรับลดลงประมาณ 28% ถือว่าเกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งโดยเฉลี่ยดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงประมาณ 20% จากผลกระทบปัญหาซับไพร์ม
          อย่างไรก็ตาม การเข้าลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ยังเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าดอกเบี้ยในปัจจุบัน แต่การลงทุนที่เหมาะสมจะต้องซื้อทิ้งไว้เกินกว่า 6 เดือน