PRIN หารือฝ่ายบริหารเดือนนี้ปรับลดเป้ารายได้ลง/เล็งเลื่อนขายวอร์แรนต์

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 10, 2008 10:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายนำชัย วนาภานุเบศ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ บมจ. ปริญสิริ (PRIN) เปิดเผยว่า บริษัทกำลังพิจารณาปรับลดเป้ารายได้ในปี 51 ลงเล็กน้อยมาเหลือ 4 พันล้านบาท จากเป้าหมายที่วางไว้ก่อนหน้านี้ 4.3 พันล้านบาท แต่ในแง่กำไรสุทธิปีนี้ยังน่าจะสูงขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไร 70 กว่าล้านบาท เพราะปีก่อนมีฐานค่อนข้างต่ำ อีกทั้งในปีนี้ได้รับผลดีจากภาษีอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐสนับสนุน
"ยอมรับว่ามีความกังวลเกี่ยวกับยอดขายที่อาจจะปรับลดลงทั้งจากสถานการณ์ทางการเมือง ความไม่ชัดเจนในเรื่องของอัตราดอกเบี้ย ทำให้ลูกค้าชะลอการตัดสินใจ โดยขณะนี้เห็นสัญญาณการชะลอซื้อในช่วง ส.ค.-ก.ย.แล้ว 10%" นายนำชัย กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
นอกจากนี้ ปัจจัยดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่อแผนในการเสนอขายวอแรนต์ ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 3 หุ้นเดิมได้รับวอร์แรนต์ 1 หน่วยโดยมีอายุ 2 ปี สัดส่วนการใช้สิทธิ 1:1 ราคาใช้สิทธิ 4 บาทที่อาจจะต้องเลื่อนออกไปในช่วงปลายปีนี้หรือปีหน้าแทนจากแผนเดิมที่จะเข้าเทรดในช่วงไตรมาส 3 อีกทั้งตลาดหุ้นในช่วงนี้ก็มีความผันผวนมาก ราคาหุ้นไม่ปรับตัว แต่บริษัทก็จะมีการรับรู้กำไรจากการขายที่ดินก่อนหักภาษีอีก 51 ล้านบาทด้วย
"ระดับผู้บริหารจะมีการหารือกันเร็วๆ นี้หรืออย่างช้าก็ภายในเดือนนี้เพื่อประเมินสถานการณ์และผลพวงที่อาจจะได้รับจากการเมือง เพราะตอนนี้คนเข้ามาดูในโครงการ แต่คนที่ตัดสินใจซื้อลดลง และเชื่อว่ารายอื่นก็ได้รับผลกระทบเหมือนกัน อยู่ที่ใครจะบริหารหรือการวางกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างไร"นายนำชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยดังกล่าวที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อแผนการเปิดโครงการใหม่ของบริษัทมากนัก คงกระทบบ้างในโครงการเดิม เพราะโครงการใหม่ส่วนใหญ่จะเปิดตัวในปีหน้า ขณะที่โครงการที่มีแผนเปิดตัวในครึ่งปีหลังน่าจะเป็นในช่วงไตรมาส 4/51 เช่น โครงการย่านวัชรพลที่จะเปิดในช่วง เดือนต.ค เป็นต้น คาดว่าในช่วงนั้นสถานการณ์ทางการเมืองคงจะจบสิ้นแล้ว
สำหรับโครงการที่พัทยาไม่ได้รับผลกระทบ และคาดจะเปิดการขายอย่างเป็นทางการในเดือนนี้ โดยขณะนี้มียอดขายกว่า 40%
ปัจจุบัน บริษัทมี Backlog มูลค่ารวม 4-5 พันล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง แบ่งเป็นที่อาศัยแนวราบ 1- 2 พันล้านบาทที่จะรับรู้รายได้ในปีนี้ ส่วนโครงการอาคารสูงจะรับรู้รายได้ในปีหน้า
นายนำชัย กล่าวต่อว่า บริษัทได้ทยอยปรับแผนดำเนินธุรกิจมาต่อเนื่องทั้งในเรื่องของรูปแบบบ้านและทำเล เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดระดับกลางราคา 2-3 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นไปเล็กน้อยมากขึ้น และจะพยายามเร่งการโอนบ้านในเร็วที่สุดและเลือกโครงการที่จะเปิด ขณะที่โครงการที่มีระดับราคาขาย 10 ล้านบาทขึ้นไปคงจะหยุดการพัฒนาโครงการไปก่อน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ