ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน เหมืองแร่ และกลุ่มบริษัทค้าปลีก อย่างไรก็ตาม ความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาในภาคการเงินของสหรัฐกระตุ้นนักลงทุนให้เทขายหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มโบรกเกอร์ หลังจากเลห์แมน บราเธอร์ส ประกาศแผนขายหุ้นในธุรกิจบริหารจัดการการลงทุน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 38.19 จุด หรือ 0.34% แตะที่ 11,268.92 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 7.53 จุด หรือ 0.61% แตะระดับ 1,232.04 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 18.89 จุด หรือ 0.85% แตะที่ 2,228.70 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.55 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วนกว่า 1 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.27 พันล้านหุ้น
นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานและเหมืองแร่ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนดาวโจนส์ดีดขึ้นปิดในแดนบวก แต่ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นค่อนข้างผันผวนเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาในภาคการเงินของสหรัฐ หลังจากมีรายงานว่า เลห์แมน บราเธอร์ส วานณิชธนกิจรายใหญ่อันดับ 4 อาจไม่สามารถระดมทุนใหม่ได้ในเร็ววันนี้ ส่งผลให้หุ้นของเลห์แมนดิ่งลงไป 46% เมื่อวันอังคาร
หนึ่งในสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึงความร้ายแรงของปัญหามาจากการที่เลห์แมน บราเธอร์ส ประกาศเลื่อนการเผยแพร่เอกสาร "ยุทธศาสตร์ความริเริ่มสำคัญ" รวมทั้งรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสให้เร็วขึ้นเป็นวันพุธที่ 10 ก.ย. ก่อนหน้ากำหนดเดิมหนึ่งสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม บรรดาสถาบันการเงินรายสำคัญของวอลสตรีท อาทิ โกลด์แมน แซคส์ แถลงว่ายังคงทำธุรกรรมทางการเงินกับเลห์แมนอยู่
ในสภาพที่อาจจะต้องตัดยอดขาดทุนมากขึ้นอีกหลายหมื่นล้านดอลลาร์ ทำให้เลห์แมนพิจารณาทางเลือกต่างๆ ในการระดมเม็ดเงินใหม่เข้ามา ตั้งแต่การขายหุ้นจำนวนหนึ่งให้แก่ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเกาหลี (เคดีบี) ไปจนถึงการตัดขายกิจการในเครือส่วนที่ยังทำกำไรได้ อาทิ หน่วยงานบริหารจัดการการลงทุน ทว่า ความพยายามเหล่านี้ยังไม่บังเกิดผล
ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเลห์แมน บราเธอร์ส ยังทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า รัฐบาลสหรัฐจะเข้ามาแทรกแซงอีกครั้งหนึ่งหรือไม่ หลังจากเพิ่งเข้าไปกอบกู้ช่วยเหลือ แฟนนี เม และ เฟรดดี แมค 2 สถาบันสินเชื่อที่อยู่อาศัยรายยักษ์ใหญ่ไม่ให้ประสบภาวะล้มละลายเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่าน รวมทั้งการเข้าไปสนับสนุนการเทคโอเวอร์วาณิชธนกิจแบร์สเติร์นส์ เมื่อหลายเดือนก่อน อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐต่างก็ไม่ยอมตอบคำถามนี้
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ที่ร่วงลง 68 เซนต์ แตะที่ 102.58 ดอลลาร์/บาร์เรล เพราะได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งแกร่งขึ้นและข้อมูลที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง
หุ้นวอชิงตัน มิวชวล ร่วงลง 30% หลังจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ประกาศลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของบริษัทดังกล่าว ขณะที่หุ้นเอ็กซอนโมบิล พุ่งขึ้น 2.7% และหุ้นเชฟรอน ดีดขึ้น 3%
หุ้นวอล-มาร์ท พุ่งขึ้น 89 เซนต์ แตะที่ 62.02 ดอลลาร์ หุ้นยูเอส สทีล คอร์ป ดีดขึ้น 6.8% และหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแกน คอปเปอร์ แอนด์ โกลด์ ทะยานขึ้น 6.2%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--