ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (11 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกลับเข้าซื้อหุ้นกลุ่มการเงิน หลังจากมีข่าวว่าเลห์แมน บราเธอร์ส กำลังหามองผู้ร่วมทุนที่เป็นไปได้ ซึ่งรวมถึงแบงค์ ออฟ อเมริกา นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ และกลุ่มขนส่ง ขณะที่การร่วงลงของราคาน้ำมันดิบก็เป็นอีกปัจจัยที่พยุงตลาดดีดขึ้นปิดในแดนบวก
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่ง 164.79 จุด หรือ 1.46% แตะที่ 11,433.71 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 17.01 จุด หรือ 1.38% แตะที่ 1,249.05 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 29.52 จุด หรือ 1.32% แตะที่ 2,258.22 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.45 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วนกว่า 1 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.31 พันล้านหุ้น
อาร์เธอร์ โฮแกน นักวิเคราะห์จาก Jefferies & Co., กล่าวว่า "นักลงทุนกลับเข้าซื้อหุ้นกลุ่มการเงินหลังจากมีรายงานว่า เลห์แมน บราเธอร์ส วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐ กำลังมองหาผู้ร่วมทุนที่เป็นไปได้ รวมถึงแบงค์ ออฟ อเมริกา โนมูระ ซิเคียวริตีส์ของญี่ปุ่น ธนาคารบีเอ็นพี พาริบาส์ของฝรั่งเศส ดอยช์ แบงค์ และธนาคารบาร์เคลย์ส์ของอังกฤษ"
"นอกจากนี้ การที่ราคาน้ำมันดิบร่วงลงต่ำกว่าระดับ 101 ดอลลาร์/บาร์เรล ช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องเงินเฟ้อและแนวโน้มเศรษฐกิจ พร้อมกับส่งคำสั่งซื้อเข้าหนุนหุ้นกลุ่มบริษัทผลิตรถยน์และกลุ่มขนส่ง อาทิ หุ้นซีเอสเอ็กซ์ คอร์ป หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ และหุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม)" โฮแกนกล่าว
เลห์แมน บราเธอร์ส เปิดเผยแผนการขายสินทรัพย์ที่มีปัญหาและขายหุ้นในธุรกิจกองทุนเพื่อการลงทุน เพื่อหาเงินทุนเข้ามาพยุงสภาพคล่องของบริษัท โดยเลห์แมนระบุว่าอาจจะขายหุ้นสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่บริษัทมีอยู่ในอังกฤษ ให้แก่ บริษัทแบล็กร็อก อิงค์ เป็นมูลค่าราว 4,000 ล้านดอลลาร์ รวมทั้งยังจะขายสินทรัพย์อื่นๆ ด้วย นอกจากนี้ก็ยังวางแผนจะแยกสินทรัพย์ที่เป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ มูลค่า 25,000 — 30,000 ล้านดอลลาร์ ออกไปบริหารต่างหากโดยตั้งเป็นบริษัทชื่อ เรียล เอสเตท อิสเวสเมนท์ โกลบอล (อาร์อีไอ โกลบอล) ในช่วงไตรมาสหนึ่งปีหน้า
นอกจากนี้ เลห์แมนยังประกาศลดเงินปันผลลง 5 เซนต์ต่อหุ้น จากเดิม 68 เซนต์ซึ่งทำให้ประหยัดเงินไปได้ 450 ล้านดอลาร์ต่อปี พร้อมระบุว่าบริษัทได้ลดคนงานไปแล้วถึง 1,500 ตำแหน่งตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่กระนั้นก็มีรายงานว่าเลห์แมนอาจจะลดจำนวนพนักงานลงอีก
ทั้งนี้ หุ้นเจพีมอร์แกนปิดบวก 5.7% หุ้นเวลล์ ฟาร์โก ปิดลบ 5.3% หุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 2% หุ้นเมอร์ริล ลินช์ ร่งลง 16.6% หุ้นวาโชเวีย คอร์ป ดิ่งลง 5.3%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดขาดดุลการค้าเดือนก.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 6.22 หมื่นล้านดอลลาร์ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2550 จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 5.884 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่เข้ารับสวัสดิการในระหว่างว่างงานในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 6 ก.ย.ลดลง 6,000 ราย แตะระดับ 445,000 ราย
ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ยอดขาดดุลการค้าสหรัฐในเดือนก.ค.จะพุ่งขึ้นแตะระดับ 5.8 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน เนื่องจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
อัลเลน ซีนาย นักวิเคราะห์จาก Decision Economics Inc. กล่าวว่า ยอดส่งออกที่พุ่งสูงขึ้น อันเป็นผลมาจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงซึ่งช่วยให้สินค้าสหรัฐมีราคาถูกลงสำหรับกลุ่มผู้ซื้อต่างชาติ ได้ช่วยป้องกันยอดขาดดุลการค้าสหรัฐไว้ไม่ให้พุ่งขึ้นรุนแรงเกินไป อย่างไรก็ตาม คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะยังไม่ฟื้นตัวขึ้นในอีก 2-3 เดือนข้างหน้านี้ เนื่องจากเศรษฐกิจยุโรปและญี่ปุ่นชะลอตัวลง และค่าเงินดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้น
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--