NWR มั่นใจปี 51 พลิกกำไรครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 48,เดินหน้าเน้นงานภาครัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 12, 2008 11:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บมจ.เนาวรัตน์พัฒนาการ(NWR)คาดว่าในปี 51 ผลประกอบการของบริษัทจะพลิกกลับมามีกำไรเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ขาดทุนอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 48 หลังจากในช่วง 6 เดือนมีกำไรแล้วถึง 178 ล้านบาท และอีก 2 ไตรมาสที่เหลือของปีนี้น่าจะมีกำไรได้แม้จะมีภาระตั้งสำรองหนี้อยู่บ้าง โดยขณะนี้มี backlog ที่จะรับรู้ในปีนี้ราว 4 พันล้านบาท ซึ่งยังไม่นับรวมงานเหมืองแม่เมาะที่ยังอยู่ระหว่างรอประทานบัตร  
นายวัชรพัธ วัชราภัย ผู้จัดการผู้จัดการทั่วไป แผนกธุรกิจใหม่และวางแผนกลยุทธ์ บมจ.เนาวรัตน์พัฒนาการ(NWR)
เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์" บริษัทประสบปัญหาขาดทุนมาตลอดตั้งแต่ปี 48-50 แต่ตอนนี้เริ่มเห็นผลมาแล้วในงวด 6 เดือนที่บริษัทพลิกมามีกำไรสุทธิ 178.64 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปี 50 ที่ขาดทุนสุทธิ 625.88 ล้านบาท
สาเหตุหลักที่จะทำให้บริษัทพลิกมามีกำไรสุทธิ เนื่องจากโครงการก่อสร้างที่เคยประสบปัญหาขาดทุนหลายโครงการก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ไปแล้วในปี 2550 ส่งผลให้อัตราส่วนต้นทุนงานก่อสร้าง ขาย และบริการ ลดลงอย่างมากในปี 51 ประกอบกับ ในปีนี้มีการตั้งสำรองหนี้สูญน้อยลงและมีหนี้สูญที่ได้รับคืนจำนวนหนึ่ง
"เรื่องการตั้งสำรองฯ มันมีมาตั้งแต่ช่วงเกิดวิกฤต และพวกหนี้ที่เมื่อก่อนเราไม่ได้รับชำระ เราก็มาทวงได้"นายวัชรพัธ กล่าว
สำหรับแนวโน้ม 2 ไตรมาสที่เหลือของปี 51 คาดว่าจะมียอดขายไตรมาสละ 800-1,000 ล้านบาท และแม้จะยังมีต้องตั้งสำรองฯ บ้างแต่ก็ไม่ได้เป็นตัวเลขที่มีนัยสำคัญอะไร น่าจะทำให้มีกำไรได้
"ไตรมาส 3 และ ไตรมาส 4 คาดว่าคงจะมีกำไรอีกเล็กน้อย อย่างน้อยถ้า 2 ไตรมาสที่เหลือเท่าทุนก็กำไร" นายวัชรพัธ กล่าว
NWR ระบุว่าในปี 48 มีผลขาดทุนสุทธิ 116.18 ล้านบาท, ปี 49 ขาดทุนสุทธิ 112.89 ล้านบาท และ ปี 50 ขาดทุนสุทธิถึง 1,106.32 ล้านบาท
*มี Backlog รอรับรู้รายได้ แม้ต้องรอ กฟผ.ไฟเขียวงานขุดเหมืองแม่เมาะ
นายวัชรพัธ กล่าวว่า บริษัทไม่ห่วงสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เนื่องจากไม่มีงานที่ต้องรอเซ็นสัญญากับภาครัฐโดยตรง มีเพียงงานเหมืองแม่เมาะที่รอเซ็นสัญญากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)มูลค่าประมาณ 9 พันล้านบาท เนื่องจากยังต้องรอประทานบัตรจากกรมทรัพยากรธรณี
“มีที่รออยู่ตอนนี้คืองานขุดเหมืองแม่เมาะของ กฟผ.ซึ่งก็ไม่ใช่รัฐเสียทีเดียว กึ่งๆ ซึ่งประเด็นไม่ได้อยู่ที่รัฐบาลแต่เป็นการขอสัมปทานบัตรในการขุดเหมืองทาง กฟผ.เองที่ยังไม่ได้รับจากกรมทรัพยากรธรณี ทันทีที่ได้รับสัมปทานบัตรเราก็คงจะเข้าดำเนินการได้เลยเพราะประมูลได้แล้ว"นายวัชรพัธ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้จะต้องรอความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว บริษัทยังมีงานมือ(Backlog)ประมาณ 5 พันล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 4 พันล้านบาท และรับรู้ฯ ไปแล้วครึ่งหนึ่ง ที่เหลือจะทยอยรับรู้ในช่วงต่อจากนี้ อาทิ รายได้งวดสุดท้ายจากงานสร้างถนนในลาว และงานสร้างสะพานในกัมพูชา
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีงานที่จะยื่นประมูลใหม่อยู่ตลอด และยังคงเน้นงานภาครัฐ ซึ่งที่ยื่นประมูลไปแล้วคือ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง อยู่ในระหว่างรอผล
“เรื่องการเมืองที่เกิดขึ้น ไม่ห่วง เพราะเราคาดการณ์ไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่างานของภาครัฐอาจจะชะลอ..มันมีสัญญาณมานานแล้ว ตั้งแต่ก่อน 100 วันที่แล้ว ถือเป็นความเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้...จะว่าเป็นห่วงก็เป็นห่วงนะ แต่ไม่ถึงกับตกใจ เพราะคิดไว้แล้วว่าการเมืองจะออกมาในรูปนี้"นายวัชรพัธ กล่าว
นายวัชรพัธ กล่าวว่า ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัทเป็นงานภาครัฐ 80% และงานเอกชน 20% จากเดิม 70:30 โดยสัดส่วนดังกล่าวเปลี่ยนไปหลังจากได้รับงานโครงการขุดเหมืองที่แม่เมาะเข้ามา และในอนาคตมีโอกาสที่งานภาครัฐจะเพิ่มเป็น 90%
"สาเหตุที่เรารับงานภาครัฐมาก เนื่องจากมองว่ามีความเสี่ยงน้อย เพราะไม่ว่าจะมีสถานการณ์อะไรเกิดขึ้นก็ตาม เพราะไม่ว่าการเมืองจะเป็นยังไงภาครัฐก็จ่าย เพียงแต่ช้าหรือเร็ว แต่ถ้าเป็นภาคเอกชน ถ้าสถานการณ์เศรษฐกิจการเมืองไม่ดี ลูกค้าเราเจ๊งไปเลยเงินก็สูญไปด้วย แต่ภาครัฐไม่มีวันเจ๊ง ภาครัฐคือความเสี่ยงต่ำที่สุดในประเทศ"นายวัชรพัธ กล่าว
*ยกเลิกออกวอร์แรนต์แจกพนักงาน รอกำไรเติบโตต่อเนื่อง
นายวัชรพัธ กล่าวถึงเรื่องที่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ตัดสินใจยกเลิกการออกวอร์แรนต์เสนอขายพนักงานจำนวน 265 ล้านหน่วยว่า บริษัทได้ยื่นเรื่องนี้เรายื่นไปให้สำนักงานคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ตั้งแต่ก่อนจะออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ แต่เนื่องจากบริษัทยังไม่สามารถทำกำไรได้ก็ไม่ควรออกวอร์แรนต์ที่จะมีผลไป Dilute หุ้นในตลาดหลักทรัพย์
"ตอนที่ออกวอแรนต์แจกพนักงานเป็นสัญญากับพนักงานว่าถ้าอยู่ช่วยกันจนออกจากแผนฟื้นฟูฯได้จะมีรางวัลให้ แต่ตอนนี้ออกจากแผนฟื้นฟูฯได้แล้วก็จริง แต่ยังไม่มีกำไรก็ตัดสินใจถอนเรื่องออกมาก่อน รอจนถึงเวลาที่เหมาะสมค่อยมาพิจารณากันใหม่ ไม่ได้มีแผนจะระดมทุนแต่อย่างใด"นายวัชรพัธ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ