นายณรงค์ สีตสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง(RATCH) คาดว่ารายได้รวมเติบโตประมาณ 10% จากปีก่อนที่มี 4.6 หมื่นล้านบาท และหวังว่ากำไรสุทธิจะเติบโตในระดับ 10% เช่นเดียวกัน ซึ่งปีก่อนมีกำไรสุทธิ 5.8 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีสัญญาซื้อขายไฟล่วงหน้ากับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และปีนี้ไม่มีการปิดซ่อมโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ ขณะเดียวกันต้นทุนเรื่องน้ำมันนั้น กฟผ.เป็นผู้รับภาระเองตามสัญญาอยู่แล้ว
นอกจากนั้ บริษัทมีแผนจะปรับแผนการดำเนินงานจากที่เคยกำหนดไว้ 5 ปีเป็น 10 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับการลงทุนระยะยาวของบริษัท โดยในปี 52 บริษัทจะมีการปรับเปลี่ยนชื่อ โลโก้ รวมถึงรีแบรนด์ดิ้งทั้งหมด
"เราจะปรับแผนการดำเนินธุรกิจเป็นแผน 10 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับธุรกิจ แต่จะเน้นการลงทุนในหรือนอกประเทศ ก็ต้องรอประชุมบอร์ดที่จะไปประชุมสัญจรในเสาร์อาทิตย์นี้" นายณรงค์ กล่าว
ส่วนแผนเงินลงทุนในช่วง 5 ปี วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท บริษัท อยู่ระหว่างการทบทวนเพื่อเสนอให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณาให้สอดคล้องกับกระแสเงินสดที่มีอยู่
นายณรงค์ กล่าวถึงการทบทวนสัญญาการซื้อไฟจากรัฐบาลลาว ว่า ขณะนี้ เรื่องอยู่ที่กระทรวงพลังงานกำลังพิจารณาขอขึ้นค่าไฟฟ้า โดย RATCH มีสัดส่วนการลงทุนใน 2 โครงการจาก 5 โครงการที่กำลังเจรจาซื้อขายไฟกับรัฐบาลลาว คือ โครงการหงสาลิกไนต์ กับ โครงการน้ำงึม 3 เนื่องจากต้นทุนการก่อสร้างเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ดังนั้น จะต้องรอเสนอค่าไฟใหม่ ซึ่งรัฐบาลลาวก็ยินยอมและเข้าใจ เพื่อให้โครงการเดินหน้าได้ เพราะรัฐบาลลาวมีรายได้จากโรงไฟฟ้าเป็นหลัก โดย ขณะนี้ เป็นเรื่องที่รัฐบาลไทยกับลาวต้องเจรจากัน
อย่างไรก็ดี แม้ว่าต้นทุนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น 30% แต่การปรับขึ้นค่าไฟคงจะไม่ถึง เพราะเห็นว่าผู้รับซื้อไฟทั้ง กฟผ.และรัฐบาลลาวคงยอมรับไม่ได้ จึงต้องพยายามหาข้อตกลงร่วมกันของราคาซื้อขายไฟใหม่
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/เสาวลักษณ์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--