นักลงทุนจับตาตลาดหุ้นไทย จันทร์นี้ หลังยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะฟื้นความเชื่อมั่นการลงทุนได้จริงหรือไม่ โบรกฯ ชี้เงินเฟ้อ-อัตราดอกเบี้ย ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึง ระบุชัด ผู้นำคนใหม่ ควรเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก และหากรู้เรื่องเศรษฐกิจก็จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศ
วันนี้ ( 14 ก.ย.) นายนิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน และอาจารย์พิเศษของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวถึงภาวะการลงทุนวันพรุ่งนี้ ภายหลังการประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เชื่อว่าจะทำให้ตลาดเงินและตลาดทุนปรับตัวได้สูงขึ้น ตามหลักจิตวิทยา แต่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นไม่มาก เพราะที่ผ่านมาไม่มีการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อย่างจริงจัง พร้อมระบุว่า การยกเลิก พ.ร.ก.น่าจะมีผลโดยตรงต่อภาคการท่องเที่ยวในประเทศดีขึ้น
ทั้งนี้ นักลงทุนคงต้องจับตามองตลาดหุ้นต่างประเทศ , การแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร เพราะเชื่อว่าจะส่งผลกระทบกับตลาดหุ้นไทย ซึ่งหลังจากที่ นายสมัคร สุนทรเวช ไม่รับตำแหน่งนายกฯ ถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อเศรษฐกิจ
นายนิเวศน์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่าค่าเงินบาทคงมีแนวโน้มอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี ซึ่งจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจเพราะแม้จะช่วยเรื่องการส่งออกได้ดีขึ้น แต่การนำเข้าน้ำมันที่สูงจะส่งผลให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บลจ.วรรณ กล่าวว่าการที่รัฐบาลประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นั้นทำให้นักลงทุนต่างประเทศเกิดความเชื่อมั่นมากขึ้น ท่ามกลางความรู้สึกที่ไม่แน่นอนทางการเมือง เพราะหากยังบังคับใช้ต่อไปนักลงทุนอาจมองว่าสถานการณ์ความรุนแรงจะมีแนวโน้มขยายวงกว้างมากขึ้นแต่ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจไทย นอกจากการเมืองแล้วยังต้องพิจารณาเรื่องปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยด้วยเช่นกัน
นายสมจินต์ ยังกล่าวอีกว่าการที่ นายสมัคร สุนทรเวช ปฏิเสธการรับตำแหน่งนายกฯ ช่วยทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งลดลงได้มาก ซึ่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ควรเห็นแก่ประโยชน์โดยรวมเป็นหลัก และหากรู้เรื่องเศรษฐกิจก็จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศ
ขณะที่นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่าการที่ นายสมัคร สุนทรเวช ปฏิเสธรับตำแหน่งนายกฯนั้นจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจเพราะนายกคนใหม่คงจะเป็นคนที่ประนีประนอมกับประชาชน แต่ควรมีภาพลักษณ์ที่ซื่อสัตย์และมีความรู้ความสามารถทางการเมืองและเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ นายอนุสรณ์ ยังมองโลกในแง่ดีว่า รัฐบาลควรนิรโทษกรรมให้กับแกนนำพันธมิตรในข้อหากบฏและ 111 กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย จะช่วยลดความขัดแย้งทางการเมืองได้ แต่หากพิจารณาตามความเป็นจริงแล้ว คงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะเหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้น ได้พัฒนาไปเกือบถึงจุดจบแล้ว และกำลังมีกระแสการต่อต่านการเมืองเก่าที่เพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม นายอนุสรณ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่าการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นั้นจะช่วยให้การลงทุนในเศรษฐกิจโดยรวมปรับตัวได้ดีขึ้นและสร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุนใหม่ที่เคยชะลอการลงทุนในประเทศไทย
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร โทร.0-2253-5050 ต่อ 353 อีเมล์: saowalak@infoquest.co.th--