นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กสัปดาห์นี้จะได้รับปัจจัยลบจากความกังวลเรื่องแนวโน้มในภาคการเงินของสหรัฐ โดยคาดว่านักลงทุนจะจับตาดูสถานการณ์ของเลห์แมน บราเธอร์ส วาณิชธนกิจรายใหญ่อันดับ 4 ของสหรัฐว่าจะสามารถหาผู้ร่วมทุนได้หรือไม่
คริสเตียน เมเนกัตตี หัวหน้านักวิเคราะห์จาก RGEMonitor กล่าวว่า "เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์กให้น้ำหนักกับข่าวที่ว่าเลห์แมน บราเธอร์ส กำลังมองหาผู้ร่วมทุนที่มีความเป็นไปได้ รวมถึงแบงค์ ออฟ อเมริกา โนมูระ ซิเคียวริตีส์ของญี่ปุ่น ธนาคารบีเอ็นพี พาริบาส์ของฝรั่งเศส ดอยช์ แบงค์ และธนาคารบาร์เคลย์ส์ของอังกฤษ ทั้งนี้ กระแสคาดการณ์ที่ว่าวิกฤตการณ์ทางการเงินเลห์ แมน บราเธอร์ส อาจทำให้เลห์แมนต้องถึงขั้น "ล้มละลาย"นั้น ทำให้ธนาคารต่างชาติและธนาคารสหรัฐต่างวางแผนรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับระบบการเงินทั่วโลก"
เลห์แมน บราเธอร์ส เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า บริษัทมียอดขาดทุนไตรมาส 3 มูลค่า 3.9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมากที่สุดนับตั้งแต่มีการก่อตั้งบริษัทมานานถึง 158 ปี เนื่องจากบริษัทต้องปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชี 5.6 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.2 พันล้านดอลลาร์
โรเบิร์ต แกรนท์ นักวิเคราะห์จากบริษัท อิสเทิร์น อินเวสเมนท์ แอดไวเซอร์ส ในบอสตันกล่าว การขาดทุนและสภาวะที่ต้องปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชี ทำให้เลห์แมนดิ้นรนทางเลือกต่างๆ ในการระดมเม็ดเงินใหม่เข้ามา รวมถึงการขายหุ้นจำนวนหนึ่งให้แก่ ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเกาหลี (เคดีบี) จนล่าสุดทำให้เลห์แมน ดิ้นรนที่จะหาผู้ร่วมทุนที่มีความเป็นไปได้ รวมถึง แบงค์ ออฟ อเมริกา และธนาคารบาร์เคลย์สของอังกฤษ
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า แบงค์ ออฟ อเมริกา อาจควบรวมกิจการกับวาณิชธนกิจเมอร์ริล ลินช์ และมีข่าวว่าบริษัทอเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป อิงค์ (AIG) ซึ่งเป็นบริษัทประกันยักษ์ใหญ่ของโลก เตรียมปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่
"สถาบันการเงินรายใหญ่จะทยอยเปิดเผยรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง โกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนลีย์ โดยมีการคาดการณ์ว่า โกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนลีย์ จะมีผลกำไรลดลงในไตรมาส 3 และอาจทำให้ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กผันผวน" เมเนกัตตีกล่าว
ทั้งนี้ คาดว่านักลงทุนจะจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีขึ้นในวันอังคารที่ 16 ก.ย. โดยนักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเฟดจะตรึงดอกเบี้ยไปเท่าเดิมจนถึงปีหน้า แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยอีกครั้ง ก่อนที่จะตัดสินใจประกาศขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้าเพื่อยับยั้งเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ คาดว่านักลงทุนจะติดตามข้อมูลเศรษฐกิจที่ทางการสหรัฐจะเปิดเผยในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) โดยคาดว่าดัชนี CPI จะขยายตัวขึ้น 0.1% และดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 0.2% สำนักข่าวเอพีรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--