บมจ. อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท(ESTAR)ระบุว่าปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นส่งผลให้แผนงานต่าง ๆ ของบริษัทต้องล่าช้าหรือเลื่อนออกไป ได้แก่ แผนการขายที่ดินบางส่วน จ.ระยอง หรือหาพันธมิตรเข้ามาซื้อที่ดินระยอง โดยอาจเลื่อนไปเป็นปีหน้าแทน รวมทั้ง แผนการล้างขาดทุนสะสมให้หมดทั้ง 330 ล้านบาทที่อาจจะต้องล่าช้าออกไปอีกราว 1 ปี
"เรื่องการล้างขาดทุนสะสม 330 ล้านบาทอาจจะใช้เวลานานเป็น 3 ปี จากเดิมที่วางแผนไว้ 2 -3 ปี รวมทั้งแผนการหาพันธมิตรในการซื้อที่ดินเปล่าจังหวัดระยอง 600 ไร่จากแลนด์แบงก์กว่า 1 พันไร่ที่จ.ระยองก็ชะลอการตัดสินใจออกไป อาจจะไปเห็นในปีหน้าแทนจากที่คาดจะในปีนี้" นายรัตนชัย ผาตินาวิน กรรมการผู้จัดการ ESTAR กล่าว
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทยังเจรจาทั้งผู้สนใจในที่ดินที่ จ.ระยองทั้งจากไทยและต่างชาติ แต่คงจะเลือกเพียงรายเดียว นอกจากนี้ที่ดินดังกล่าวอาจจะเป็นการขายที่ดินไปเลยหรือหาผู้ร่วมทุน เพราะที่ดินดังกล่าวมีศักยภาพในการพัฒนาเป็นนิคมอุตสาหกรรมอุตสาหกรรมได้ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ใกล้กับนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด
นายรัตนชัย กล่าวว่า ปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นกระทบทุกส่วน โดยเฉพาะการลงทุนทำให้การตัดสินใจซื้อช้าลง การหมุนเงินของภาคธุรกิจก็คิดมากขึ้น เพราะฉะนั้นแผนการล้างขาดทุนสะสมก็จะช้าไปเหมือนกัน
ถึงแม้ว่าแผนงานต่าง ๆ อาจสะดุดไปบ้าง แต่บริษัทก็ยังไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนในขณะนี้ เพราะปัจจุบันเรามีเงินสด 400-500 ล้านบาทหมุนใช้ได้ โดยเพาะในการซื้อที่ดินใหม่เพื่อนำมาพัฒนาโครงการในอนาคตก็ยังจำเป็นสำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์เพียงต้องรอบคอบมากขึ้น ซึ่งตอนนี้เราก็ตัดสินใจเลือกอยู่ 2-3 แปลงจากที่ดูไว้ 10 แปลง ตอนนี้มาอยู่ที่ 5 แปลงแล้ว คาดว่าจะใช้เงินประมาณ แปลงละ 200-250 ล้านบาท
นายรัตนชัย กล่าวว่า ยอดขายของบริษัทอาจลดลงไปบ้างในช่วง 1-2 เดือนนี้(ส.ค.-ก.ย.) แต่เนื่องจากบริษัทไม่มีโครงการใหม่ในปีนี้ทำให้ไม่มีภาระต้องลงทุนเพิ่ม มีแต่โครงการเดิมที่พัฒนามาแล้ว 2-3 ปีที่จะทยอยโอนและรับรู้รายได้ในปีนี้ ถือเป็นโชคดีของบริษัทภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว
อีกทั้งการที่บริษัทมีการพัฒนาโครงการในรูปแบบสร้างเสร็จก่อนขาย ทำให้มีความเสี่ยงน้อย ดังนั้น จึงเชื่อว่ายอดขายทั้งปีที่ 1,200 ล้านบาท แต่ในขณะเดียวกันก็หันมาให้ความสำคัญในการซื้อที่ดินพัฒนาโครงการและเปิดขายนั้นรอบคอบระมัดระวังมากขึ้นจากเดิมที่เมื่อซื้อที่ดินก็จะเปิดขายให้เร็วที่สุด
นายรัตนชัย กล่าวต่อว่า บริษัทยังศึกษาการเปิดตัวโครงการใหม่ 2-3 โครงการ มูลค่า 2-3 พันล้านบาท จากปัจจุบันที่บริษัทและบริษัทย่อยดำเนินการอยู่ 8 โครงการ แบ่งเป็นโครงการในกรุงเทพฯ 3 โครงการ และโครงการที่บ้านฉาง จ.ระยอง 5 โครงการ ส่วนแผนงานเปิดโครงการในปีหน้าจะเป็นอย่างไรคงต้องรอการสำรวจสภาพเศรษฐกิจโดยรวมก่อน
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--