นายวิชา พลูวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทปรับลดเป้ารายได้ลงเหลืออัตราเติบโต 10-15% จากเดิมที่ประมาณการไว้จะเติบโต 20-30% ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากภาพยนตร์ได้เลื่อนฉายออกไปจากกำหนดเดิม โดยเฉพาะในเดือนส.ค.มีภาพยนตร์มีออกมาฉายน้อย แต่ในไตรมาส 4 จะมีภาพยนต์จะมีเข้ามาฉายมากขึ้น ได้แก่ องค์บาก 2, หลวงพี่เท่ง, โจรสลัดปืนใหญ่, เจมส์บอนด์ เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้ภาพรวมของบริษัทยังมีทิศทางที่ดี
แต่ยอมรับว่า การเติบโตของรายได้ในไตรมาส 3/51 จะไม่ค่อยดี โดยคาดว่าจะโตขึ้น 5-10% จากไตรมาส 3/50 เพราะมีภาพยนตร์เข้าฉายน้อย แต่ในส่วนของธุรกิจโบลลิ่งยังมีอัตราเติบโตที่ดี ซึ่งในเดือน ส.ค. โต 18% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
"พื้นฐานของบริษัทยังดีอยู่ คนยังเข้ามาดูหนังเหมือนเดิม เพียงแต่ว่า จำนวนหนังยังมีน้อย และบางเรื่องก็เลื่อนไปฉายในปีหน้า แต่คนที่เข้ามาเล่นโบว์ลิ่งยังเพิ่มขึ้น ธุรกิจของเรา เป็น Low Consumption จึงได้รับผลกระทบน้อยจากปัญหาการเมือง" นายวิชากล่าว
สำหรับเงินลงทุนในปีนี้ ยอมรับว่า ใช้จริงพียง 600 ล้านบาทที่เป้าหมายที่วางไว้ 1,000 ล้านบาท เนื่องจาก โครงการขนาดใหญ่ เช่น เมเจอร์สาขารัตนาธิเบศร์ เลื่อนเปิดตัวไปปีหน้าจากเดิมจะเปิดภายในปีนี้ แต่งบการลงทุนในสาขารัตนาธิเบศร์ยังคงอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/เสาวลักษณ์/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--