ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 140 จุดเมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) หลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับกระแสคาดการณ์ที่ว่าทางการสหรัฐจะอัดฉีดสภาพคล่องเพื่อช่วยพยุงสถานะทางการเงินของบริษัท อเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (AIG) ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้น
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 141.51 จุด หรือ 1.30% ปิดที่ 11,059.02 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 20.90 จุด หรือ 1.75% แตะที่ 1,213.60 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 27.99 จุด หรือ 1.28% แตะที่ 2,207.90 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 2.2 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกราว 17 ต่อ 15 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 3.2 พันล้านหุ้น
ทอม ฮิกกินส์ นักวิเคราะห์จาก Payden & Rygel Investment Management กล่าวว่า "เฟดตัดสินใจตรึงดอกเบี้ยเพื่อยับยั้งความตื่นตระหนกในตลาดการเงิน ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้นับว่าถูกต้องแล้ว เพราะการที่เฟดเลือกที่จะอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินถือเป็นการตัดสินใจที่ดีกว่าลดอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ความเป็นไปได้ที่ว่าทางการสหรัฐจะเข้าช่วยเหลือบริษัท AIG ซึ่งเป็นบริษัทประกันยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ นับเป็นอีกปัจจัยที่หนุนดัชนีดาวโจนส์ดีดขึ้นปิดในแดนบวก หลังจากที่ดัชนีทรุดตัวลงกว่า 500 จุดเมื่อวันก่อน"
คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดมีมติด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้น (fed funds rate) ไว้เท่าเดิมที่ 2.00% และคงอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน (discount rate) ที่ 2.25% โดยเฟดมุ่งหวังที่จะผ่อนคลายภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อและคลี่คลายสถานการณ์ปั่นป่วนในตลาด และเลือกใช้วิธีอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงิน มากกว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
เมื่อวานนี้เฟดได้ระบายสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินสหรัฐ 7 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเพิ่มสภาพคล่องครั้งใหญ่สุดในรอบ 7 ปี หรือนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วินาศกรรมในสหรัฐเมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2544 โดยเฟดมีเป้าหมายที่จะลดความร้อนแรงของต้นทุนการกู้ยืมซึ่งเป็นผลมาจากการล้มละลายของเลห์แมน บราเธอร์ส
หุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้นหลังจากมีข่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่ทางการาสหรัฐจะช่วยแก้ไขวิกฤตการณ์ของ AIG หลังจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำได้ปรับลดอันดับเครดิตของ AIG นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มการเงินยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า ธนาคารบาร์เคลยส์อาจเข้าซื้อสินทรัพย์ด้านวาณิชธนกิจที่สำคัญ รวมถึงธุรกิจโบรกเกอร์-ดีลเลอร์ในสหรัฐของเลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิ้งส์
เมื่อวานนี้ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ประกาศลดอันดับเครดิตระยะยาวของ AIG ลงสู่ระดับ A- จากเดิมที่ระดับ AA- และมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ลดอันดับเครดิต AIG ลงสู่ระดับ A2 จากเดิมที่ Aa3 โดยให้เหตุผลว่าสินทรัพย์ของ AIG ขาดสภาพคล่องและขาดความยืดหยุ่น
หุ้นมอร์แกน สแตนเลย์พุ่งขึ้นกว่า 7% หลังจากบริษัทรายงานผลประกอบการรายไตรมาสแข็งแกร่งเกินคาด แต่หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 1.8% หลังเปิดเผยผลกำไรรายไตรมาสร่วงลง 70% ส่วนหุ้นเจพีมอร์แกน ดีดขึ้น 10% หุ้นธนาคารเวลล์ ฟาร์โก พุ่งขึ้น 13%
หุ้นฮิวเลตต์-แพคการ์ด (เอชพี) ดีดขึ้น 6.8% หลังจากเอชีประกาศแผนปลดพนักงาน 24,600 ตำแหน่งภายในระยะเวลา 3 ปี ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 8% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด หลังจากที่บริษัทได้เข้าซื้อกิจการบริษัท อิเล็กทรอนิก ดาต้า ซิสเต็มส์ คอร์ปอเรชั่น (อีดีเอส) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีเมื่อเดือนที่แล้ว และได้รวมการดำเนินงานเข้าด้วยกัน
การปรับลดพนักงานในครั้งนี้ถือเป็นครั้งใหญ่สุดของเอชพี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานภายใต้การบริหารของซีอีโอ มาร์ก เฮิร์ด ผู้วางแผนขับเคลื่อนการซื้อกิจการมูลค่า 1.39 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อท้าชิงกับยักษ์ใหญ่อย่าง ไอบีเอ็ม คอร์ป
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--