บมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น (PTTAR) คาดว่าจะสามารถเปิดเดินเครื่องหน่วยกลั่นน้ำมันดิบของโรงกลั่นน้ำมันระยองได้ในวันที่ 19-20 ก.ย.นี้ หลังจากปิดซ่อมแซมไปตั้งแต่ช่วงปลาย ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งล่าช้าไปจากเบื้องต้นที่คาดว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้แล้วเสร็จภายใน 15 ก.ย.
"ประมาณวันที่ 19 หรือ 20 ก.ย.จะเริ่ม run โรงกลั่นได้ จะเปิดเต็มกำลังการผลิต 1.4 แสนบาร์เรล/วัน แม้ว่าในช่วงต้นการผลิตดีเซลจะได้ 20-25% แต่ถ้าไฮโดรแครกเกอร์เสร็จคาดว่าใช้เวลา 1 เดือน ก็จะกลับมากลั่นดีเซลได้เหมือนเดิมที่ 50%" นายชายน้อย เผื่อนโกสุม กรรมการผู้จัดการ PTTAR กล่าว
ในส่วนธุรกิจอะโรเมติกส์ คาดว่า ในครึ่งปีหลังจะมีผลประกอบการที่ดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากในไตรมาส 4/51 จะมีการเพิ่มกำลังการผลิตเท่าตัวเป็น 2.2 ล้านตัน จากปัจจุบันที่ผลิต 1.1 ล้านตันจากโรงผลิตอะโรเมติกส์ 2
ประกอบกับในช่วงไตรมาส 3/51 สเปรดพาราไซลีนมาอยู่ที่กว่า 300-400 ดอลลาร์/ตัน ขณะที่สเปรดเบนซีนอยู่ที่ประมาณ 300 ดอลลาร์/ตัน ปรับตัวดีขึ้นจากปลายไตรมาส 2/51 แต่คงไม่ดีเท่ากับปีที่แล้ว
"ครึ่งปีหลัง ส่วนของอะโรเมติกส์จะดีกว่าครึ่งปีแรกเยอะ มาร์จิ้นเฉลี่ยรวมทั้งหมด 6-7 ดอลลาร์"นายชายน้อย กล่าว
นายชายน้อย คาดว่า ค่ากการกลั่นเฉลี่ยปีนี้จะอยู่ที่ 6 ดอลลาร์/บาร์เรลจากปีก่อนที่ 10 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ประกอบกับ บริษัทได้ปิดซ่อมโรงกลั่นและมีปัญหาการรั่วของท่อก๊าซภายในโรงกลั่น ทำให้ปริมาณการผลิตลดลงจากปีก่อนที่ผลิตได้ 55 ล้านบาร์เรล/วัน เหลือเพียง 50 ล้านบาร์เรล/วัน
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทจะมีหน่วยกำลังผลิตอะโรเมติกส์เพิ่มขึ้นในโรงงานอะโรเมติกส์ คอมเพล็กซ์ 2 ที่จะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปลายเดือน ก.ย.51 ส่งผลให้ปีนี้มีกำลังการผลิตเพิ่มอีก 3 แสนตัน จากเดิมที่ผลิตได้ 1.1 ล้านตัน และในปีหน้ากำลังการผลิตจะเพิ่มเป็น 2.2 ล้านตัน
"ผลกระทบจากความผันผวนของราคาน้ำมันและการปรับตัวลดลงของมาร์จิ้นธุรกิจปิโตรเคมี ทำให้ยอมรับว่าปีนี้รายได้และกำไรของเราคงน้อยกว่าปีก่อน แต่ไม่สามารถประเมินได้ว่าจะน้อยลงกี่เปอร์เซ็นต์ และเราก็ยังมีความหวังว่าช่วงที่เหลือของปีราคาน้ำมันและปิโตรเคมีจะกลับมาดีขึ้นเหมือนเช่นไตรมาส 4 ของปีก่อน" นายชายน้อย กล่าว
นายชายน้อย กล่าวอีกว่า จากปัญหาวิกฤติสถาบันการเงินที่เกิดขึ้นในต่างประเทศขณะนี้ ส่งผลให้กลุ่มปตท. รวมถึง PTTAR ได้ตัดสินใจชะลอการออกหุ้นกู้ จากแผนเดิมคาดว่าจะออกในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ตามวงเงินที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่ 500 ล้านดอลลาร์ แต่ตอนนี้ต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยเปลี่ยนไปใช้เงินกู้จากสถาบันการเงินแทนและจะกู้แค่เท่าที่จำเป็นเท่านั้น
ทั้งนี้ หากโอกาสของตลาดเอื้ออำนวย ทิศทางดอกเบี้ยเริ่มเป็นขาลง บริษัทอาจจะกลับมาพิจารณาออกหุ้นกู้ภายในประเทศเป็นรูปเงินบาททั้งหมดประมาณ 3-5 พันล้านบาท เพื่อรองรับการลงทุนในปีหน้า โดยแผนการลงทุนเหลือที่สำคัญ คือ โครงการปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานยูโร 4
นอกจากนี้ ทาง ปตท.ได้ชักชวน PTTAR ไปศึกษาการลงทุนด้านปิโตรเคมีและโรงกลั่นที่เวียดนามด้วย
"ปตท.เข้าไปศึกษาการลงทุนในเวียดนาม และชวนเราไป Operate plant ร่วมกัน ต้องศึกษาก่อนว่าจะไปช่วยกันในรูปแบบไหนได้บ้าง ถือเป็นโอกาสการลงทุนใหม่ของบริษัท" นายชายน้อย ระบุ
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--