บอร์ด รฟท.ประชุมสัปดาห์หน้าพิจารณาผลต่อรองราคา UNIQ สร้างรถไฟฟ้าสีแดง

          คณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาโครงการก่อสร้างรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน เตรียมรายงานการเจรจาต่อรองราคากับผู้ที่ชนะการประกวดราคาให้ที่ประชุมคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทยพิจารณาในสัปดาห์หน้า
          "ผู้บริหารฯ จะต้องรายงานผลการเจรจาต่อรองให้บอร์ดพิจารณา ซึ่งคาดว่าจะมีการประชุมในสัปดาห์หน้า" นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ รฟท.กล่าว
          สำหรับการประกวดราคาโครงการก่อสร้างรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ระยะทาง 15 กิโลเมตร ราคากลาง  8,748.40 ล้านบาท ล่าสุดคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาได้เจรจาต่อรองกับกลุ่มกิจการร่วมค้ายูนิค-ชุนวู จอยท์เวนเจอร์ ซึ่งประกอบด้วย บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น(UNIQ) และบริษัท CHUN WO CONSTRUCTION & ENGINEERING CO.,LTD ได้ข้อสรุปว่า บริษัทยืนยันตัวเลขค่าก่อสร้างที่เสนอต่ำกว่าราคากลาง 1 พันบาท โดยไม่ปรับลดค่าก่อสร้าง
          ทั้งนี้ ตามขั้นตอนการประกวดราคาผู้รับเหมาก่อสร้างสามารถปรับลดค่าก่อสร้างหรือไม่ก็ได้ แต่ราคาค่าก่อสร้างที่เสนอจะต้องต่ำกว่าราคากลางที่กำหนด ซึ่งในกรณีนี้ถือว่าต่ำกว่าราคากลางแต่ไม่มากเพียง 1 พันบาทเท่านั้น
          นายสุพจน์ กล่าวว่า การดำเนินโครงการนี้ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อ รฟท. เพราะหากต้องยกเลิกการประกวดราคาครั้งนี้ รฟท.จะต้องปรับราคากลางให้สอดคล้องกับต้นทุนในปัจจุบัน ซึ่งจะส่งผลให้ราคากลางเพิ่มเป็น 10,500 ล้านบาท หรือเท่ากับว่าต้องใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นอีก 2,000 ล้านบาท ส่วนกรณีที่มีผู้รับเหมาเพียงรายเดียวผ่านคุณสมบัติและเสนอราคาจะมีผลต่อการแข่งขันราคานั้น ตามระเบียบการประกวดราคาแบบอิเลคทรอนิกส์ (e-Auction) เปิดโอกาสให้สามารถดำเนินการได้ตราบใดที่ผู้รับเหมาก่อสร้างเสนอราคาต่ำกว่าราคากลาง
          อย่างไรก็ตามมั่นใจว่า กลุ่มกิจการร่วมค้ายูนิคจะสามารถดำเนินโครงการดังกล่าวได้ ไม่เช่นนั้นคงไม่เสนอตัวเข้ารับงาน ขณะเดียวกันราคาวัสดุก่อสร้าง และราคาน้ำมันก็มีแนวโน้มลดลง ซึ่งคงจะช่วยให้ผู้รับเหมาสามารถดำเนินงานก่อสร้างได้ภายในราคากลางที่กำหนด ขณะเดียวกันผู้รับเหมาจะต้องเร่งรัดงานก่อสร้างให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อลดต้นทุนการก่อสร้าง
          นายสุพจน์ กล่าวอีกว่า บอร์ด รฟท.ยังได้มอบหมายให้ฝ่ายบริหารอำนวยความสะดวก และช่วยเหลือผู้รับเหมาก่อสร้างในการเจรจารื้อย้ายผู้บุกรุกกว่า 3,000 ครัวเรือน เพื่อให้การดำเนินโครงการแล้วเสร็จโดยเร็ว และไม่มีปัญหาในเรื่องความล่าช้าจากการรื้อย้ายผู้บุกรุกเหมือนเช่นโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง(แอร์พอร์ตเรลลิงค์)