หุ้นของแคนาดาร่วงลงกว่า 20% จากระดับสูงสุดเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา และกลายเป็นตลาดหุ้นรายล่าสุดในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่เดินเข้าสู่ภาวะตลาดหมี เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ร่วงลงต่ำสุดในรอบ 2 เดือนฉุดหุ้นกลุ่มบริษัทน้ำมันและเหมือง
ดัชนีคอมโพสิต Standard & Poor's/TSX ของแคนาดาร่วงลง 2.9% แตะ 11,877.69 จุดเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงต่อเนื่องรวม 21% ในช่วงสามเดือน นำโดยหุ้นกลุ่มบริษัทพลังงาน โลหะ และเคมี ที่ร่วงลงกว่า 26% ในขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยในสหรัฐที่ซบเซายิ่งทำให้เกิดการคาดการณ์กันมากขึ้นว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจจะชะลอตัวลง
ดัชนี S&P/TSX's ที่ร่วงลง 14% ในปีนี้ ยังคงเป็นสถิติที่ดีที่สุดในบรรดาประเทศที่จัดอยู่ในกลุ่มดัชนี MSCI World Index ของตลาดประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยหุ้นแคนาดาได้ปรับตัวขึ้นกว่า 2 เท่าในช่วงเริ่มต้นของตลาดกระทิงครั้งล่าสุดเมื่อปี 2545 หลังจากที่ตกลงไป 14% จนถึงขณะนี้ ซึ่งถือเป็นการอ่อนตัวในช่วง 2 สัปดาห์ที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 7 ปี
ไมค์ เลนฮอฟ หัวหน้านักยุทธศาสตร์ของบริววิน ดอลฟิน ซิเคียวริตีส์ กล่าวว่า หุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ที่เคยรุ่งนั้นอาจจะไม่ได้รับผลกระทบในทันที แต่จะคลายแรงดึงดูดลงในเวลาต่อมา
บลูมเบิร์กรายงานว่า ราคาน้ำมันที่ดิ่งลงไป 34% จากระดับสูงสุดที่ 147.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อวันที่ 3 ก.ค. เพราะความกังวลว่าการขาดทุนในธุรกิจการธนาคารระดับโลก จะทำให้การขยายตัวลดลงและความต้องการน้ำมันทั่วโลกอ่อนตัวลงด้วย
หุ้นเอ็นแคนา คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเชื้อเพลิงรายใหญ่สุดของแคนาดา ร่วงลง 29% จากระดับสูงสุดเมื่อเดือนมิ.ย. โดยบริษัทเปิดเผยว่ายอดกำไรไตรมาส 2 หดลง 16% เนื่องจากมูลค่าสัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ที่อ่อนตัวลง
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--