นายแอนดรูย์ สโตซ หัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.CLSA ประเทศไทย เชื่อว่า ตลาดหุ้นไทยดีดตัวขึ้นมาจากจุดต่ำสุดในวันนี้ได้ในช่วงบ่าย ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศหลายแห่งที่รีบาวน์ขึ้นมาได้จากข่าวที่ธนาคารกลางหลายชาติได้เข้ามาอัดฉีดสภาพคล่องในระบบการเงินเพื่อพยุงสถานการณ์ที่อาจมีผลกระทบต่อระบบสถาบันการเงิน
โดยเฉพาะธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ) ที่ประกาศความร่วมมือกับธนาคารกลาง 6 ชาติในการใช้มาตรการต่างๆเพื่อรับมือภาวะผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดการเงินทั่วโลก ซึ่งครอบคลุมถึงการจัดหาเงินทุนรูปสกุลเงินดอลลาร์ให้กับตลาดเพื่อรับมือกับความต้องการเงินดอลลาร์ที่พุ่งสูงขึ้น และการทำข้อตกลงสว็อปค่าเงินมูลค่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยระบุให้เฟดเป็นผู้จัดหาเงินทุนสกุลเงินดอลลาร์ให้กับสถาบันการเงินที่เข้าลงทุนในตลาดการเงินระยะสั้นของญี่ปุ่น
ทั้งนี้ นักวิจัยในกลุ่มของ CLSA ได้ให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างมาก เพราะถือว่าราคาหุ้นได้ปรับลดลงมามากแล้ว และหากไทยไม่เกิดปัญหาทางการเมืองทาง CLSA ก็จะให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค และปัญหาการเมืองของไทยได้ผ่านจุดเลวร้ายที่สุดไปแล้ว จึงไม่กังวลกับปัญหาการเมืองแล้ว
นายอริยะ บุญยะรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บล. CLSA กล่าวว่า สถานการณ์วิกฤติของสถาบันการเงินโลกเริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นหลังจากที่ธนาคารชาติแต่ละประเทศประกาศเข้ามาสนับสนุนสถาบันการเงินที่มีปัญหา อาทิ ญี่ปุ่น แคนนนาดา จึงคาดว่าวิกฤตทางการเงินจะคลี่คลายอย่างรวดเร็วและตรงจุด ทำให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียกลับมารีบาวน์ และบางแห่งกลับมาบวกในวันนี้
ส่วนการจัดงานไทยแลนด์โฟกัสยอมรับว่าการจัดท่ามกลางวิกฤตทางการเงินทำให้บางรายยกเลิกการเข้าร่วมงาน รวมทั้งก่อนหน้านี้มีการประกาศพ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ยังมั่นใจว่าหากปัญหาวิกฤตทางการเงินผ่านพ้นไปการให้ข้อมูลในงานไทยแลนด์โฟกัสจะเป็นประโยชน์หากต่างชาติต้องการเข้ามาลงทุนยังประเทศไทยซึ่งมีโอกาสเติบโตสูง ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนยังคงมีอัตราการเติบโต แต่การลงทุนต้องเป็นระยะยาวอย่างน้อย 12 เดือน
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--